
Table of Content |
Stats |
Skills |
Skill Ascension |
Related Items |
Gallery |
Sounds |
Quotes |
Stories |
Stats
Lv | HP | Atk | Def | CritRate% | CritDMG% | Bonus CritRate% | Materials | Total Materials |
1 | 1039 | 27.0 | 56.96 | 5.0% | 50.0% | 0% | ||
20 | 2695 | 70.04 | 147.75 | 5.0% | 50.0% | 0% | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
20+ | 3586 | 93.18 | 196.59 | 5.0% | 50.0% | 0% | ||
40 | 5366 | 139.43 | 294.16 | 5.0% | 50.0% | 0% | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
40+ | 5999 | 155.88 | 328.86 | 5.0% | 50.0% | 4.8% | ||
50 | 6902 | 179.34 | 378.35 | 5.0% | 50.0% | 4.8% | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
50+ | 7747 | 201.27 | 424.62 | 5.0% | 50.0% | 9.6% | ||
60 | 8659 | 224.98 | 474.63 | 5.0% | 50.0% | 9.6% | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
60+ | 9292 | 241.42 | 509.33 | 5.0% | 50.0% | 9.6% | ||
70 | 10213 | 265.34 | 559.8 | 5.0% | 50.0% | 9.6% | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
70+ | 10846 | 281.79 | 594.5 | 5.0% | 50.0% | 14.4% | ||
80 | 11777 | 305.98 | 645.53 | 5.0% | 50.0% | 14.4% | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
80+ | 12410 | 322.43 | 680.23 | 5.0% | 50.0% | 19.2% | ||
90 | 13348 | 346.81 | 731.66 | 5.0% | 50.0% | 19.2% |
Skills
Active Skils
![]() | Kitchen Skills | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
โจมตีด้วยหอกต่อเนื่องมากสุด 3 ครั้ง ใช้พลังกายส่วนหนึ่งเพื่อทำการโจมตีงัดขึ้น กระโจนจากกลางอากาศลงมายังพื้นดิน เพื่อโจมตีศัตรูที่อยู่ในเส้นทางการโจมตี โดยจะสร้างความเสียหายวงกว้างเมื่อลงถึงพื้น | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
![]() | Low-Temperature Cooking | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เชิญเป็นสักขีพยาน ต่อความหมายที่แท้จริงของ "การทำอาหาร"! การกดและกดค้าง จะสามารถแสดงทักษะการทำอาหารที่ Fontaine ภาคภูมิใจในรูปแบบที่แตกต่างกัน ใช้โหมด "จัดเก็บอุณหภูมิต่ำ" และเปิดใช้งานกลไกทำอาหารอเนกประสงค์เต็มสเปกตรัม เพื่อสร้าง จะเคลื่อนที่ตามตัวละครที่เข้าร่วมการต่อสู้ในขณะนั้น และยิง "พาร์เฟต์เยือกแข็ง" ใส่ศัตรูที่อยู่ใกล้เคียงเป็นระยะ เพื่อสร้าง ทุกช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อ Escoffier เปิดใช้กลไกทำอาหารโหมด "จัดเก็บอุณหภูมิต่ำ" จะปล่อย Surging Blade ออกมา สร้าง ใช้ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
![]() | Scoring Cuts | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แสดงทักษะมีดอันยอดเยี่ยม เพื่อสร้าง | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
Passive Skills
![]() | Constant Off-the-Cuff Cookery |
เมื่อกดค้างเพื่อปล่อยสกิลธาตุ ·วางกลไกทำอาหารไว้ในสนาม ซึ่งกลไกทำอาหารจะสามารถดูดซับการโจมตีธาตุได้ เมื่อพลังงานธาตุที่ดูดซับถึงจุดวิกฤต จะทำให้วัตถุดิบที่ Escoffier ใส่ลงไปก่อนหน้านี้ เปลี่ยนเป็นอาหารแสนอร่อย ·Escoffier จำเป็นต้องใช้เวลาในการซื้อวัตถุดิบใหม่ แต่ละสัปดาห์ คุณสามารถทำอาหารด้วยวิธีนี้ได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จำนวนครั้งในการทำอาหารจะรีเซ็ตทุกวันจันทร์ เวลา 04:00 น. |
![]() | Better to Salivate Than Medicate |
หลังจากใช้ท่าไม้ตาย |
![]() | Inspiration-Immersed Seasoning |
เมื่อในทีมมีตัวละคร |
Constellations
![]() | Pre-Dinner Dance for Your Taste Buds |
เมื่อตัวละคร 4 ตัวในทีม มีประเภทของธาตุเป็น ต้องปลดล็อกพรสวรรค์ติดตัว "Inspiration-Immersed Seasoning" ก่อน |
![]() | Fresh, Fragrant Stew Is an Art |
เมื่อ Escoffier ใช้ เมื่อโจมตีโดนศัตรูด้วย |
![]() | The Bakery Magic of Caramel Browning |
เพิ่มเลเวลสกิลธาตุของ เพิ่มได้สูงสุดถึงระดับ 15 |
![]() | Secret Rosemary Recipe |
ช่วงเวลาต่อเนื่องของ {LINK#P1122101} ต้องปลดล็อกพรสวรรค์ติดตัว "Better to Salivate Than Medicate" ก่อน |
![]() | Symphony of a Thousand Sauces |
เพิ่มเลเวลสกิลของท่าไม้ตาย เพิ่มได้สูงสุดถึงระดับ 15 |
![]() | Tea Parties Bursting With Color |
·เมื่อการโจมตีปกติ, ชาร์จโจมตี หรือการโจมตีพุ่งลงจากอากาศของตัวละครในทีมตนเอง ที่เข้าร่วมการต่อสู้ในขณะนั้นโดนศัตรู กลไกทำอาหาร: โหมดจัดเก็บอุณหภูมิต่ำจะปล่อยพาร์เฟต์เยือกแข็งพิเศษออกมาเพิ่มเติมหนึ่งอัน สร้าง เอฟเฟกต์นี้จะเกิดขึ้นได้มากสุดหนึ่งครั้ง ในทุก 0.5 วินาที และภายในช่วงเวลาต่อเนื่องของกลไกทำอาหาร - โหมดจัดเก็บอุณหภูมิต่ำหนึ่งครั้ง เอฟเฟกต์นี้จะเกิดขึ้นได้มากสุด 6 ครั้ง |
Skill Ascension
Gallery
Sounds
Quotes
Audio Language:
Title | VoiceOver |
พบกันครั้งแรก... | |
แชท - เพลงประกอบ | |
แชท - ทักษะมีด | |
แชท - การสังเกตที่เฉียบแหลม | |
ในเวลาที่ฝนตก... | |
ฟ้าหลังฝน... | |
ในเวลาที่หิมะตก... | |
แดดส่องดีจัง... | |
อรุณสวัสดิ์... | |
สวัสดีตอนเที่ยง... | |
สวัสดีตอนเย็น... | |
ราตรีสวัสดิ์... | |
เกี่ยวกับ Escoffier - ข้อจำกัดของรูปแบบ | |
เกี่ยวกับตัว Escoffier เอง - อาวุธครบมือ | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับเรา - คุณสมบัติในการตัดสิน | |
เกี่ยวกับเรา - หลักการสร้างสรรค์ | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6 |
เกี่ยวกับ "วิชั่น"... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
ต้องการจะแชร์อะไร... | |
ข้อมูลที่น่าสนใจ... | * สำเร็จเนื้อเรื่อง "การเต้นรำของคนบาป" |
เกี่ยวกับ Furina - การพบกันครั้งแรก... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Furina - สถานการณ์ปัจจุบัน... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Navia... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Charlotte... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Sigewinne... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Wriothesley... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Lynette... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ The Knave... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Emilie... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Varesa... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เกี่ยวกับ Xiangling... | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
อยากรู้เกี่ยวกับ Escoffier - 1 | |
อยากรู้เกี่ยวกับ Escoffier - 2 | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 3 |
อยากรู้เกี่ยวกับ Escoffier - 3 | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
อยากรู้เกี่ยวกับ Escoffier - 4 | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 5 |
อยากรู้เกี่ยวกับ Escoffier - 5 | * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6 |
งานอดิเรกของ Escoffier... | |
เรื่องกลุ้มใจของ Escoffier... | |
อาหารที่ชอบ... | |
อาหารที่เกลียด... | |
ได้รับของขวัญ - 1 | |
ได้รับของขวัญ - 2 | |
ได้รับของขวัญ - 3 | |
วันเกิด... | |
ความรู้สึกที่ได้เลื่อนขั้น - บทนำ | * ปลดล็อกที่ระดับการเลื่อนขั้น 1 |
ความรู้สึกที่ได้เลื่อนขั้น - ชี้แจง | * ปลดล็อกที่ระดับการเลื่อนขั้น 2 |
ความรู้สึกที่ได้เลื่อนขั้น - มุมมองอื่น ๆ | * ปลดล็อกที่ระดับการเลื่อนขั้น 4 |
ความรู้สึกที่ได้เลื่อนขั้น - บทสรุป | * ปลดล็อกที่ระดับการเลื่อนขั้น 6 |
สกิลธาตุ - 1 | |
สกิลธาตุ - 2 | |
สกิลธาตุ - 3 | |
สกิลธาตุ - 4 | |
สกิลธาตุ - 5 | |
สกิลธาตุ - 6 | |
ท่าไม้ตาย - 1 | |
ท่าไม้ตาย - 2 | |
ท่าไม้ตาย - 3 | |
เปิดหีบสมบัติ - 1 | |
เปิดหีบสมบัติ - 2 | |
เปิดหีบสมบัติ - 3 | |
ค่าพลังชีวิตต่ำ - 1 | |
ค่าพลังชีวิตต่ำ - 2 | |
ค่าพลังชีวิตต่ำ - 3 | |
ค่าพลังชีวิตของเพื่อนต่ำ - 1 | |
ค่าพลังชีวิตของเพื่อนต่ำ - 2 | |
หมดสติ - 1 | |
หมดสติ - 2 | |
หมดสติ - 3 | |
รับการโจมตีปกติ - 1 | |
โดนโจมตีอย่างหนัก - 1 | |
โดนโจมตีอย่างหนัก - 2 | |
เข้าร่วมทีม - 1 | |
เข้าร่วมทีม - 2 | |
เข้าร่วมทีม - 3 |
Stories
Title | Text |
ข้อมูลตัวละคร | เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ที่อาหารของ Fontaine ได้รับการกล่าวขานจากชาว Teyvat ในเรื่อง "ความสง่างามและความประณีต" อันเป็นเอกลักษณ์ หากถามเหล่านักวิจารณ์อาหารว่า เชฟชื่อดังที่แสดงถึงความเป็น Fontaine มากที่สุดคือใคร ชื่อของ "อดีตหัวหน้าเชฟแห่งโรงแรม Debord" อย่าง Escoffier จะต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ แน่นอน ในสายตาของบรรดาลูกค้า Escoffier ได้ก่อตั้งสำนัก "การทำอาหารเชิงเทคนิค" ขึ้นมา และเป็นผู้บุกเบิก "การปฏิวัติทฤษฎีการปรุงอาหาร" เชี่ยวชาญในการวัดปริมาณ เครื่องปรุงรสด้วยวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์ให้เป็นทัศนียภาพ แห่งรสชาติที่งดงามและมีชีวิตชีวา ในบทความของนักวิจารณ์ Escoffier เป็น "หัวหน้าเชฟปีศาจ" ผู้สามารถทำให้ผู้ที่ยึดติดกับสิ่งเก่า รู้สึกสั่นสะเทือน เธอเป็นผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้วงการอาหาร ถึงขั้นเปิดเส้นทางวิวัฒนาการใหม่ ให้กับวงการทำอาหารอย่างต่อเนื่อง ในกระบวนการส่งเสริมการพัฒนา เทคโนโลยีอุตสาหกรรม เธอยังลดต้นทุนอาหารหรู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อาหารชื่อดังหลายจาน ได้เสิร์ฟให้คนทั่วไปได้ลิ้มลอง เพื่อนร่วมอาชีพ และบรรดาลูกศิษย์ของเธอ โจษจันกันว่า Escoffier เป็นตัวแทนของ "กฎเกณฑ์ที่เข้มงวด" ที่ไม่มีทางทำสิ่งใดแบบขอไปที หากมีข้อผิดพลาด หรือเลินเล่อแม้แต่น้อย ในระหว่างปรุงอาหาร เธอจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างเฉียบขาด และแม่นยำ เมื่อใดที่ต้องเผชิญหน้ากับ Escoffier ต้องเคารพส่วนผสม และเครื่องปรุงทุกอย่าง และใส่ใจในทุกขั้นตอนการปรุงอาหาร ถึงจะสร้างผลงาน ที่ทำให้เธอพยักหน้า ด้วยความพึงพอใจออกมาได้ ในสายตาของ Navia และเพื่อน ๆ จริง ๆ แล้ว Escoffier เป็นเด็กสาว ที่มีความอดทนและละเอียดรอบคอบ เธอมักจะ หาแรงบันดาลใจในการทำอาหาร จากการพูดคุยกับเพื่อน ๆ หรือฟังบทเพลงซิมโฟนีที่ซับซ้อน การเพลิดเพลินไปกับ ช่วงเวลาดื่มน้ำชายามบ่ายร่วมกับเธอ ก็เหมือนกับ การเปิดกล่องของขวัญเซอร์ไพรส์ ที่มีรสชาติแปลกใหม่ และน่าทึ่งให้ได้ลิ้มลองอยู่เสมอ... แต่ในสายตาของ Escoffier เอง เธอดูเหมือนจะไม่เห็นความรุ่งโรจน์ใน "อดีต" เลย แต่เห็นเพียงตัวเธอเองใน "ปัจจุบัน" และเป้าหมายใน "อนาคต" เท่านั้น... แม้จะได้ลิ้มรสผลงานที่ตน ทุ่มเททั้งกายใจลงไป แต่หลังจากความพึงพอใจ และหลงใหลเพียงชั่วครู่ผ่านไป เธอก็ยังคงจมอยู่ในห้วงความคิด และค้นหาข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แม้แต่นักชิมที่มากด้วยคุณวุฒิ ก็ยังไม่อาจสังเกตเห็นได้... "รสชาติยังห่างจากคำว่า สมบูรณ์แบบอีกมาก... ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกเยอะเลย!" |
เรื่องราวของตัวละคร 1 | Escoffier เป็นเด็กที่รู้ความตั้งแต่เด็ก... เด็กจนน่าตกใจเลยทีเดียว Escoffier มีประสาทรับรส ที่เฉียบคมมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งคุณสมบัตินี้ ก่อให้เกิดการตอบสนองอย่างรุนแรง ต่อความอยากรู้อยากเห็นของเธอ... เมื่อใดที่พ่อแม่ไม่ทันได้สังเกต Escoffier ก็จะชิมวัตถุดิบ และเครื่องปรุงทั้งหมดในห้องครัว จากนั้นก็จะจัดเรียงพวกมัน ให้เป็นระเบียบตามรสหวาน เค็ม เปรี้ยว และเผ็ด จากรสอ่อนไปยังรสเข้ม จากนั้นก็ชี้ให้แม่ของเธอดู ว่าเธอชอบรสชาติแบบไหนบ้าง ขณะที่เด็กคนอื่น ๆ เล่นสนุกกันอย่างไร้จุดหมาย Escoffier กลับง่วนอยู่กับการแยกแยะว่า "ขนมปังบาแก็ตอันไหน ที่ออกจากเตามานานเกินไป จนไม่สดใหม่แล้วบ้าง" และพยายามแสดงให้แม่เห็นว่า ขนมปังที่โดนความชื้นพวกนี้ "ต้องเปลี่ยนเป็น ของใหม่ที่เพิ่งอบเสร็จ" เธอโบกมือเล็ก ๆ พลางกะพริบตาปริบ ๆ แม่ของเธอหัวเราะเบา ๆ พลางหั่นขนมปังให้เธอหลายแผ่น และตักซุปข้นให้เธออีกชาม ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่า เธอยังกินไม่อิ่ม... แน่นอนว่า ครอบครัวของ Escoffier ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดที่จะทิ้งขนมปัง ที่เพิ่งนิ่มไปโดยไม่กินได้ ดังนั้น Escoffier ในวัยสองขวบ จึงเรียนรู้การปรุงรสอาหาร ทั้งสามมื้อของตัวเอง โดยใช้เกลือทะเล เนย น้ำตาล และพริกไทย เมื่อเห็นเช่นนั้น พ่อแม่ของเธอซึ่งเป็นเชฟจึงค่อย ๆ ตระหนักได้ถึงความพิเศษของลูกสาว พวกเขาไม่เพียง จัดหาเครื่องปรุงรสมากมาย มาให้ลูกสาวเท่านั้น แต่ยังให้พื้นที่ Escoffier ได้แสดงฝีมืออีกด้วย นอกจากจะสอน Escoffier ให้รู้จักกับสุนทรียศาสตร์แห่งบทกวี และศิลปะแล้ว พ่อแม่ของเธอยังเริ่มเล่า ประวัติศาสตร์ของ "การทำอาหาร" ให้เธอฟัง ให้เธอค่อย ๆ ตระหนักถึงความสำคัญของอาชีพเชฟ และจดจำไว้ว่า "ชุดเชฟที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ก็เหมือนกับห่านปีกหิมะที่สวยงาม" ไม่นานนัก Escoffier ก็จมอยู่ในโลกแห่งอาหารอย่างสิ้นเชิง เธอขอตามพ่อแม่ไปทำงานด้วย จากนั้นก็นั่งในมุม ที่เงียบที่สุดของร้านอาหาร หลังจากได้รับการอนุญาต จากเจ้าของร้าน ทุกครั้งที่พ่อแม่ทำอาหารหนึ่งอย่าง ก็จะเก็บอาหารตัวอย่างเล็ก ๆ ไว้ให้ Escoffier ที่อยากรู้อยากเห็นได้ลองชิมรสชาติ แต่หารู้ไม่ว่า นี่แหละคือการ "ฝึกฝน" อย่างจริงจังของ Escoffier พรสวรรค์ที่พิเศษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น และค่อย ๆ พัฒนาไปจนถึงระดับที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเสิร์ฟเมนูไหนให้กับ Escoffier เธอก็สามารถรู้ส่วนผสม และเครื่องปรุงรสทั้งหมดในอาหารได้ หลังจากชิมคำเดียว และครุ่นคิดสักสองสามนาที หนำซ้ำยังสามารถประเมิน ปริมาณส่วนผสมแต่ละอย่างได้ด้วย ในที่สุด เมื่อ Escoffier อายุได้สี่ขวบ เธอก็ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ... การจำแนกแยกแยะ และปรุงรสนั้นไม่พออีกต่อไป แต่ต้องทำอาหาร ที่ทำให้ตัวเองพึงพอใจ และทำให้ทุกคนต้องทึ่ง "มื้อเย็นวันนี้ หนูขอทำเองได้มั้ย?" ด้วยความที่เป็นเมนูแรกที่ลงครัวทำเอง Escoffier จึงเลือกเมนูที่หายากอย่าง "รูลาดกรอบสามชั้น" (Golden Trinity Roulade): ซึ่งประกอบด้วยเนื้อปลา เนื้อไก่ และเครื่องในที่ห่อด้วยแป้งพายสีทอง เกิดเป็นรสชาติที่ผสมผสานกัน อย่างน่าอัศจรรย์ ความยากของมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย เพราะมีเพียงการจัดการส่วนผสม แต่ละชนิดอย่างแม่นยำเท่านั้น ที่จะทำให้รสชาติของส่วนผสม แต่ละอย่างเข้ากันได้อย่างลงตัว หากพลาดนิดเดียว ก็เท่ากับเป็นการทรมานปลายลิ้นตัวเอง Escoffier ทำตามคำแนะนำในสูตรอย่างเคร่งครัด โดยวัดปริมาณส่วนผสม และเครื่องปรุงแต่ละอย่างอย่างแม่นยำ รวมทั้งเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละขั้นตอน มือเล็ก ๆ ของเธอง่วนเป็นระวิง และใบหน้าเล็ก ๆ นั้นก็แดงก่ำเพราะความกังวล ในการใช้เวลาสองชั่วโมงอันแสน "คุ้มค่า" นี้ให้ผ่านไป... ความพยายามที่ดูจะเก้ ๆ กัง ๆ นี้ ไม่ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอก อันน่าทึ่งของอัจฉริยะ เหมือนอย่างในเทพนิยายแต่อย่างใด พ่อแม่ที่ได้กิน "รูลาดกรอบสามชั้น" แล้วต่างพยักหน้า พลางหัวเราะอย่างมีความสุข และเอ่ยชม Escoffier จากใจจริง ทว่าหลังจากมื้อเย็นสิ้นสุดลง เมื่อ Escoffier ลองชิมอาหารตัวอย่าง ที่เหลืออยู่ตามลำพัง หางคิ้วก็ค่อย ๆ ลู่ตกลงมา เธอไม่สามารถทำอาหาร ที่ทำให้เธอเองถูกใจได้เลย "รู้สึกแปลก ๆ แฮะ มันขาดอะไรสักอย่าง..." ในคืนนั้น Escoffier นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง ครุ่นคิดวนเวียนซ้ำ ๆ: "หรือเป็นเพราะ... ฉันยังกินและทำอาหารไม่มากพอ ก็เลยปรุงรสได้ไม่พิถีพิถันพอนะ?" "แค่อ่านสูตรอาหารให้เข้าใจ แล้วทำอาหารออกมาตามแบบ มันยังไม่พอ!" ตั้งแต่นั้นมา Escoffier ก็มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน... เธอจะชิมอาหารให้มากขึ้น เพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ ด้านอาหารของตัวเองอย่างต่อเนื่อง และปรุงอาหารเลิศรสที่ทำให้ทุกคน ต้องตะลึงออกมาให้ได้! * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 2 |
เรื่องราวของตัวละคร 2 | "เพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ด้านอาหาร" เป้าหมายที่เรียบง่ายนี้ มีค่าใช้จ่ายมหาศาลอยู่เบื้องหลัง เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระ ทางการเงินให้แก่ครอบครัว Escoffier จึงเริ่มต้นการต่อสู้ของเธอ ในโลกแห่งอาหารตั้งแต่อายุยังน้อย... เธอจงใจหลบเลี่ยงคนรู้จักของพ่อแม่ และไปหาร้านอาหาร ที่ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก จากนั้นก็ดิ้นรนเพื่อให้ได้ ฝากตัวเป็นศิษย์เข้าไปช่วยงานในครัว จากการคอยดูเหล่าเชฟทำอาหาร และช่วยพวกเขา ทำขั้นตอนสำคัญให้สำเร็จ ทำให้ Escoffier คุ้นเคยกับส่วนที่ยาก ในการทำอาหารแต่ละเมนู ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในกรณีที่ลูกค้าไม่พอใจนั้น Escoffier ก็สามารถวิเคราะห์อย่างละเอียดได้ ด้วยการชิมอาหารตัวอย่าง ที่เก็บไว้ในครัว บวกกับขั้นตอนการปรุงอาหาร ของเชฟที่อยู่ในความทรงจำ ในขณะเดียวกัน หากงานยุ่งเกินไปก็ยากจะ เลี่ยงความผิดพลาดได้เช่นกัน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นข้างเตานั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ จากการอ่านสูตร และสื่อการสอนเพียงอย่างเดียว เดิมทีเชฟในร้านอาหารคิดว่า ลูกศิษย์คนนี้อายุยังน้อยเกินไป ถึงจะพลาดพลั้งทำให้หม้อ ที่เต็มไปด้วยอาหารคว่ำไป พวกเขาก็ยังพอเข้าใจได้อยู่ แต่ Escoffier เป็นฝ่ายขอร้องพวกเชฟว่า อย่าไว้หน้าเธอ ทั้งคำพูดที่โหดร้าย คำตำหนิที่ฟังแล้วบาดหูทั้งหมด เธออยากรับฟังทุกอย่าง ไม่ชอบงั้นเหรอ? งั้นก็อย่าทำพลาดโง่ ๆ แบบเดิมซ้ำสองอีกสิ Escoffier ต้องจดจำ "ข้อผิดพลาด" เหล่านี้ให้เร็วที่สุด และสั่งสมไว้เป็น "ประสบการณ์" ของตัวเอง ในเวลาเพียงแค่ครึ่งปี ความรู้ในการทำอาหารของ Escoffier ก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่นานนัก เธอก็สามารถทำเมนูจานหลัก ของร้านด้วยตัวเองได้แล้ว ขณะมองดูลูกศิษย์ตัวน้อย ที่เพิ่งสูงพ้นเตาขึ้นมา กำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ กวัดแกว่งเครื่องครัว ที่หนักเป็นครึ่งนึง ของน้ำหนักตัวเธอเอง เพื่อทำอาหารชั้นเลิศออกมา... เจ้าของร้านอาหารรู้สึกประทับใจ กับความกระตือรือร้นของ Escoffier และให้เงินเดือนเธอ ในฐานะพนักงานประจำของร้าน ทำให้เธอได้รับคำชมว่าเป็น "เชฟตัวน้อย" ส่วน Escoffier เองก็ใช้ Mora ที่ได้มาจากการทำงานที่นี่ ไปกับ "การชิมอาหารจานดัง" เป็นส่วนใหญ่ ทุกครั้งที่ได้วันหยุด เธอมักจะชวนพ่อแม่ไปเยี่ยมชม ร้านอาหารชื่อดังต่าง ๆ ในนครว่าการ Fontaine เพื่อลิ้มลองเมนูที่ดีที่สุดของร้านนั้น ขณะที่พ่อแม่ของเธอกำลังทึ่งกับ รสชาติแปลกใหม่ของอาหารชั้นสูง Escoffier จะครุ่นคิดถึง วิธีจัดการกับวัตถุดิบอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับบันทึกแรงบันดาลใจ ที่ผุดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งชิมอาหารเลิศรสมากเท่าไหร่ ทักษะการปรุงอาหาร ก็ยิ่งพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งหา Mora ได้มากขึ้น ก็จะได้ลิ้มลองอาหารที่ประณีต ยิ่งกว่าเดิมต่อไปอีก... วงจรเชิงบวกนี้ทำให้ Escoffier หลงใหลไปกับมัน แต่มีเมนูหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้รสชาติ ที่แท้จริงของมัน "Gateau Debord" ในตำนาน ซึ่งเคยเป็นที่นิยมมากเมื่อร้อยปีก่อน กลับหายสาบสูญไปจากโลกนี้ พร้อมกับการจากไปอย่างกะทันหัน ของหัวหน้าเชฟคนแรกของร้านอาหาร Debord คนรุ่นหลังเอง ก็พยายามทำเมนูนี้ขึ้นมาใหม่ โดยอาศัยจากคำพูดเพียงไม่กี่คำ และบันทึกในประวัติศาสตร์ ซึ่งในบรรดานั้นมีเมนูเลียนแบบ จำนวนไม่น้อยที่สร้างกระแสฮือฮา ในวงการอาหารของ Fontaine แต่ Escoffier ลองชิมดูแล้ว อาหารพวกนี้รสหวานอร่อยมาก แต่ก็ยังมีความน่าผิดหวังบางอย่าง ที่อธิบายไม่ได้: ขนมหวานในตำนาน... มันแค่นี้เองเหรอ? หลังจากวันเกิดครบรอบห้าขวบของ Escoffier เชฟใหญ่ขององค์กรกุหลาบหนาม ได้เปิดตัวเมนูเลียนแบบอีกเมนูหนึ่ง ว่ากันว่ารสชาติใกล้เคียงกับ ของต้นฉบับเมื่อปีนั้นมาก องค์กรกุหลาบหนามถึงขั้น ติดต่อไปหาโรงแรม Debord เพื่อให้จัดงานชิมอาหาร สุดยิ่งใหญ่โดยเฉพาะ ซึ่งวันเปิดงานตรงกับวันเกิดของ Escoffier พอดี แต่เค้กที่จัดเตรียมไว้สำหรับแต่ละวัน มีเพียงสิบหกชิ้นเท่านั้น และยังถูกเหล่าคนดัง จับจองไว้ตั้งนานแล้ว... ไม่ว่า Escoffier จะกระหายอยากได้แค่ไหน ก็ไม่อาจลิ้มรสมันได้ ในวันเกิดครบรอบห้าขวบ Escoffier ยังขอร้องพ่อแม่ให้พาเธอไปที่โรงแรม Debord แม้ว่าเธอจะได้เห็นแค่สี กลิ่น และรูปร่างของเค้กในตำนานก็ตาม ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะได้อะไรกลับมาบ้าง ผลลัพธ์ที่เหนือคาดได้มาโดยไม่คาดคิด ด้านนอกโรงแรม ลมกระโชกวูบหนึ่ง พัดเอาหมวกปีกกว้างใบสวย ใบหนึ่งหมุนคว้างมาตกอยู่ในมือ Escoffier Escoffier มองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง หลังจากพลิกดูอยู่หลายรอบ ในที่สุด เธอก็ตามกลิ่นกุหลาบอันร้อนแรง สุดจะเปรียบบนหมวกใบนั้นไป จนพบเจ้าของของมัน... ซึ่งก็คือ Navia ที่กำลังร้อนใจนั่นเอง เพื่อเป็นการขอบคุณ Escoffier แล้ว Navia จึงยกเค้กที่เชฟใหญ่ ตั้งใจเก็บไว้ให้เธอเองออกมา แล้วเชิญ Escoffier มาร่วมเพลิดเพลิน ไปกับรสชาติในฝันด้วยกัน "...ไม่เป็นไรจริง ๆ! จะแอบบอกอะไรให้นะ..." Navia ฉวยโอกาส ตอนที่พวกผู้ใหญ่ไม่ทันสนใจ ลดเสียงเบาลงเพื่อบอก Escoffier ที่ยังลังเลอยู่ว่า "ฉันแอบกินมาหลายครั้งแล้ว... ยังไงมาการองก็อร่อยกว่าอยู่ดี!" เมื่อความอยากรู้อยากเห็น มีชัยเหนือมารยาทและความเกรงใจ Escoffier จึงอดใจไม่ไหวตักเค้กชิ้นหนึ่งขึ้นมา รสชาติอร่อยก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะดีที่สุด เทียบกับเมนูเลียนแบบ ที่เธอเคยกินมาแล้วก็ยังเฉย ๆ ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้แย่ แต่นี่เป็นของขวัญล้ำค่า จากเพื่อนใหม่ที่อยู่ตรงหน้า แถมยังเป็นผลงานของเชฟใหญ่ ในองค์กรของเธออีก... แบบนี้ควรจะวิจารณ์ไปตามจริงมั้ยนะ? "เป็นไงบ้าง? อร่อยมั้ย... ต้องบอกมาตามจริงนะ!" คำพูดนี้ ได้ลบล้างความลังเลทั้งปวงของเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนและอาหาร ก็ไม่ควรพูดปดแม้แต่นิดเดียว ดังนั้น Escoffier จึงประเมินอย่างเข้มงวดแต่ซื่อสัตย์ เช่นเดียวกับที่เธอทำมาตลอดอีกสิบกว่าปี: "...มันธรรมดาจริง ๆ นั่นแหละ" * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 3 |
เรื่องราวของตัวละคร 3 | ระหว่างอาหารที่ "รสชาติประณีต" กับ "รสชาติน่าหลงใหล" นั้น มีช่องว่างที่โหดร้ายยิ่งกว่า ความแตกต่างในแง่ความหมาย ตามตัวอักษรเสียอีก หลังจากสรุปและเปรียบเทียบ กับเมนูเลียนแบบ ที่เคยชิมมาในช่วงหลายปีนี้ อย่างจริงจัง Escoffier ก็ตัดสินใจแล้วว่า จะสร้าง "Gateau Debord" ในฝันของเธอเองขึ้นมา เธอพยายามใช้เมนูชั้นยอดนี้ เป็นจุดเริ่มต้น เพื่อกรุยทางฝ่าเข้าไป ในโลกแห่งอาหารชั้นเลิศ ด้วยความที่ไม่รู้สูตรเลย Escoffier จึงได้แต่ต้องใช้วัตถุดิบ ที่ไม่ได้หายากมากนัก เพื่อที่จะค่อย ๆ "จำลอง" รสชาติของเมนูชั้นยอดนี้ ไปทีละขั้นตอน ถ้าจะพูดว่า การอ้างอิงสูตรอาหารที่มีอยู่แล้ว การเรียนรู้วิธีปรุงอาหาร และการปรับปรุงสูตรที่มีอยู่ ก็เหมือนการสร้าง บ้านสไตล์คลาสสิกขึ้นมาใหม่ แล้วปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก ของมันให้แตกต่างไปจากเดิม... ถ้าอย่างนั้น วิธีการ "จำลอง" ของ Escoffier ก็คือการออกแบบและ ก่อสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ โดยเริ่มจากศูนย์อย่างสิ้นเชิง ขอเพียงมีเครื่องปรุงในส่วนผสม ที่ทำให้เกิดรสชาติที่คาดไม่ถึง ในขั้นตอนการปรุงอาหาร หากปริมาณไม่แม่นยำ... หอคอยแห่งรสชาตินี้ก็จะพังทลายลง และอาหารทั้งจาน ต้องเริ่มทำใหม่หมดตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้ นอกเหนือจาก งานในร้านอาหารแต่เดิมแล้ว Escoffier ยังได้เริ่มให้บริการ "เมนูตามสั่ง" ที่ไม่เหมือนใคร: โดยอนุญาตให้ลูกค้าระบุวัตถุดิบ และความต้องการเอง แล้วเธอจะทำอาหาร ที่ไม่มีอยู่ในเมนูให้กับพวกเขา วิธีนี้จะผลักดันให้ Escoffier ออกจากเซฟโซน และเผชิญหน้ากับความต้องการ ที่คาดไม่ถึงได้อย่างเต็มที่ ทำความคุ้นเคยกับวัตถุดิบต่าง ๆ ในการทดลองผสมผสานกัน อย่างต่อเนื่อง... เพื่อค้นหา "รสชาติดั้งเดิม" และ "รสชาติที่แฝงเร้น" ของวัตถุดิบแต่ละอย่างให้ได้มากที่สุด ระหว่างที่ฝึกฝนวันแล้ววันเล่า หลายปีผ่านไปในชั่วพริบตา Escoffier ก็ค่อย ๆ วาด "แผนภูมิสเปกตรัมรสชาติของวัตถุดิบ" ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง และค้นพบศาสตร์การทำอาหาร ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง เธอตั้งชื่อให้กับศาสตร์แขนงนี้ว่า "การทำอาหารเชิงเทคนิค" ซึ่งไม่ถูกจำกัดด้วยวัตถุดิบแบบเดิม ๆ แต่เน้นที่รสชาติพื้นฐาน ของวัตถุดิบแต่ละอย่าง เธอให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับการชั่งตวงวัดอย่างแม่นยำ และการวิเคราะห์ปฏิกิริยาต่อเนื่อง ที่เกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอน ของกระบวนการทำอาหาร เพื่อสร้างวิธีการปรุงอาหาร จากล่างขึ้นบนอย่างแท้จริง ตอนนี้เอง Escoffier ถึงได้รู้สึกว่าเธอ "เพิ่งได้เข้าวงการ" และเริ่มทุ่มเทไปกับการพัฒนา อาหารระดับที่สูงขึ้นอย่างเต็มที่ ท้าทายขอบเขตของความสมบูรณ์แบบ อย่างเป็นทางการ ด้วย "การทำอาหารเชิงเทคนิค" ที่เพิ่งฉายแสงโดดเด่นนี้ ทำให้ Escoffier สร้างเมนูของหวานใหม่ที่ "ชวนให้หลงใหล" ได้สำเร็จ ต้องขอบคุณชื่อเสียงจาก "เมนูตามสั่ง" ของ Escoffier ในหมู่ลูกค้าของเธอก่อนหน้านี้ ทำให้เค้กรูปแบบใหม่ของเธอ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัว และขายดีทั่วบ้านทั่วเมือง ในที่สุดข่าวนี้ก็มาถึงหู Furina ซึ่งทำให้เธอนึกสนใจขึ้นมาทันที และตัดสินใจแวะไปที่ร้านของ Escoffier กะทันหันในช่วงพักจากการแสดง หมายจะดูหน้าตาของ ขนมยอดนิยมสักหน่อย... การมาของ Furina ทำให้ทุกคนในร้านตกตะลึง ส้อมและมีดในมือลูกค้า นิ่งค้างกลางอากาศ ในขณะที่เชฟทุกคนมือไม้สั่นไปหมด จนไม่มีใครสนใจอาหาร ที่ทำค้างอยู่อีกต่อไป มีเพียง Escoffier เท่านั้นที่ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติได้ หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง และทักทาย Furina อย่างจริงใจและสง่างาม หลังจากเตรียมอยู่สักพัก เธอก็นำผลงานของเธอออกมาเสิร์ฟ ตอนนั้นเองที่ Furina อ่านความรู้สึกที่พิเศษได้ จากในดวงตาของ Escoffier.. คลั่งไคล้? ไม่ใช่สิ... ต้องบอกว่าหลงใหลมากกว่า เชฟสาวคนนี้ คล้ายกับเฝ้ารอโอกาสมาตลอด อาหารทุกจานของเธอ จัดเต็มไม่มีกั๊กเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่เมื่อเธอนำอาหารมาเสิร์ฟ ให้ท่านเทพแห่งน้ำผู้สูงส่ง เธอกลับรู้สึกเหมือน ถูกสปอตไลต์ส่องสว่าง และตั้งตารอปฏิกิริยาของ Furina หลังจากได้ชิมอาหารเป็นอย่างมาก ด้วยความสงสัย Furina ขยับมีดและส้อม เธอรับรู้ได้ถึงรสชาติของ ตัวโน้ตบนปลายลิ้น ที่เหมือนบทเพลงซิมโฟนีจาก "เค้กอุปรากรเคลือบน้ำตาลลิลลี่" ทำให้เธอฮัมเพลงคลอไปตาม ท่วงทำนองสนุกสนานนั้นอยู่เงียบ ๆ หลังกินอาหารเสร็จ Furina ก็เอ่ยชมเชยเธออย่างไม่ลังเล และตรวจสอบแหล่งที่มา ของรสหวานต่าง ๆ อย่างละเอียด ก่อนจะจากไปยังไม่วายถามชื่อของ Escoffier อีกสองครั้งด้วย คืนนั้น Escoffier นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะจู่ ๆ ก็ได้รับคำชมจากท่าน Furina ทำให้เธอรู้สึกราวกับฝันไป มันช่างงดงามเสียจนดูไม่เหมือนจริง... ความฝันแบบนี้ ยังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกมั้ยนะ? คำตอบก็คือแน่นอน เพราะเช้าวันต่อมา จดหมายเชิญจากพระราชวัง Mermonia ก็ปรากฏบนโต๊ะของ Escoffier ... หลายปีต่อมา เมื่อ Furina พูดถึงการพบกันครั้งแรกของเธอกับ Escoffier ในงานเลี้ยงน้ำชาอีกครั้ง เธอก็ยังคงทึ่งกับท่าทีสุขุม และสง่างามของ Escoffier ในตอนนั้นอยู่ดี ทว่าในเวลานี้เอง Escoffier กลับ "กระวนกระวาย" ขึ้นมาอย่างหาได้ยาก แต่เธอก็ยังพูดออกไปตรง ๆ ว่าตอนนั้นตัวเองทำได้ยังไง: "ที่จริงตอนนั้น... สมองฉันว่างเปล่าไปหมด เลยทำอาหารไปตามสัญชาตญาณล้วน ๆ" * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
เรื่องราวของตัวละคร 4 | "Escoffier เชฟผู้ทำให้เราประหลาดใจได้เอ๋ย เจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถ ที่ไม่เหมือนใครในด้านขนมหวาน สร้างกองทัพในด้านนี้ด้วยตัวคนเดียว..." "...เพราะฉะนั้น เราขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็น 'แม่ทัพขนมหวาน' ของเรา!" ในห้องรับรองของพระราชวัง Mermonia นั้น Furina ได้สวมหมวกเชฟฝีมือประณีตให้กับ Escoffier และมอบฉายาเชฟ ที่ไม่มีใครเหมือนให้กับเธอ พร้อมทั้งมอบตราที่ระลึก ที่เธอออกแบบเองให้ด้วย เวลานี้ Escoffier ได้รับกำลังใจสูงสุด ราวกับว่าเธอได้กลายเป็น นายพันระดับแนวหน้าของ Furina ไปแล้ว กระแสความอบอุ่นจากก้นบึ้งของหัวใจ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจอันทรงพลัง ความมุ่งมั่นของเธอ ก็พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน... ต้องคอยสร้างสรรค์สินค้าใหม่ ๆ ที่ทำให้ท่าน Furina พอใจอยู่เสมอ! แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ภายในพระราชวัง Mermonia จึงไม่มีห้องครัวที่มีอุปกรณ์ครบครัน อย่างมากก็ทำได้แค่อาหารง่าย ๆ ทำให้ Escoffier ไม่สามารถแสดงฝีมือ ในการทำอาหารของเธอได้อย่างอิสระ หมายความว่า Escoffier ยังต้องทำขนมหวานให้ Furina ที่ร้านอาหารของชาวเมืองตามปกติ จากนั้นก็บรรจงจัดลงจาน ปิดผนึกเก็บไว้อย่างระมัดระวัง แล้วส่งตรงไปถึงโต๊ะของ Furina ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ส่วนโรงแรม Debord ก็ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ได้อย่างประจวบเหมาะ ด้วยการตั้งตำแหน่ง "หัวหน้าเชฟผู้เชี่ยวชาญ" ขึ้นมาให้ Escoffier ซึ่งในแง่ชื่อตำแหน่งนั้น มีสถานะทัดเทียมกับหัวหน้าเชฟ สามารถใช้วัตถุดิบชั้นสูง ของโรงแรมได้ตามใจชอบ เพื่อสะดวกต่อการมอบ อาหารเลิศรสไร้ที่ติให้กับท่าน Furina ความจริงแล้ว นี่เป็นการร่วมมือทางธุรกิจ ที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย: Escoffier ได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ดีที่สุด และขนมหวานทั้งหมดที่เธอทำ จะติดฉลาก "ผลิตโดยโรงแรม Debord" ซึ่งจะช่วยเสริมสถานะของโรงแรมใน Fontaine ให้แข็งแกร่งไปอีกขั้น แต่ดูเหมือนว่าพวกผู้บริหารโรงแรม Debord จะมองข้ามไปว่า Escoffier ไม่ได้เป็นแค่เชฟขนมหวานเท่านั้น เธอมีความรู้ด้านการทำอาหาร ที่กว้างขวางกว่าเชฟทั่วไปมาก และท่าน Furina ก็ไม่ได้จมอยู่กับครีม น้ำตาล และแยมผลไม้ตลอดทั้งสามมื้อ บางครั้งเธอก็ให้ "แม่ทัพขนมหวาน" ทำอาหารจานหลักบ้าง... ดังนั้น ในช่วงเวลานี้เอง Escoffier จึงได้ปลดปล่อยพรสวรรค์ โดยไม่ต้องเกรงกลัว และฝึกฝนทักษะการปรุงอาหาร จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ... เธอได้รังสรรค์เมนูคลาสสิก ของโรงแรม Debord ทุกจานให้ได้มาตรฐานไร้ที่ติ ในระดับที่เพื่อนร่วมอาชีพของเธอ ไม่สามารถเทียบได้ และเธอยังได้ฟื้นฟูสูตรอาหาร ที่หายไปหลายสูตร หรือไม่ก็ปรับปรุงสูตรอาหารที่มีอยู่ ให้ดีขึ้นอีกด้วย หัวหน้าเชฟในตอนนั้น เป็นรุ่นพี่ที่ยึดหลักความเป็นจริง เดิมทีเธอได้คัดเลือก ผู้สืบทอดคนต่อไปแล้ว แต่หลังจากที่ Escoffier ปรากฏตัวขึ้น เธอก็พบว่าอีกฝ่าย มีข้อได้เปรียบทุกด้าน จึงให้ทั้งสองฝ่าย แข่งขันกันอย่างสันติ Escoffier เองก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ใช้เมนู "จุมพิตแห่งคลื่นทราย" (Wave-Kissed Sands) ที่ดูเรียบง่ายและไม่โดดเด่น แต่ที่จริงแล้วเต็มไปด้วยบททดสอบ ที่แฝงเร้นอยู่ทั่วทุกที่ ทำให้ผู้สืบทอดคนเดิม ยอมรับความพ่ายแพ้ ด้วยเหตุนี้ Escoffier จึงลงเอยได้เป็นหัวหน้าเชฟ ที่อายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ของโรงแรม Debord และตราที่ระลึกที่ท่าน Furina ออกแบบก็กลายมาเป็น สัญลักษณ์ประจำตัวของ Escoffier และค่อย ๆ ยกระดับกลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง "ความอร่อยระดับแนวหน้า" ภายใต้การนำของเธอ เชฟของโรงแรม Debord ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม และปรับปรุงคุณภาพอาหารทั้งหมด ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่นักวิจารณ์อาหารที่เรื่องมากที่สุด ก็ยังหาจุดบกพร่องไม่เจอ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเพียงแค่ครึ่งปี Escoffier ก็ได้บรรลุจุดสูงสุดของอาชีพ เธอถูกยกย่องว่า เป็นหัวหน้าเชฟที่โด่งดังรุ่งโรจน์ ที่สุดในวงการอาหารของ Fontaine รองจาก Modeste "อัจฉริยะ" ผู้ก่อตั้งโรงแรม Debord ทว่าบนโลกนี้ไม่มีเทพนิยายใด ที่ทุกอย่างราบรื่นไปได้ตลอด Escoffier ก็เช่นกัน หลังจากอยู่ที่โรงแรม Debord แล้ว Escoffier ก็พบว่า ดูเหมือนเธอจะประสบปัญหาคอขวด ในการพัฒนา... กลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มจะมี "วัฒนธรรมการกิน" เป็นของตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากการรวมกัน ของปัจจัยต่าง ๆ เช่น เวลา ประวัติศาสตร์ สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ซึ่ง Escoffier ไม่สามารถต่อกรกับ ความเคยชินเช่นนี้ตามลำพังได้ อย่างเช่น สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ที่แต่งกายภูมิฐาน ไม่มีทางกิน Fish and Chips ด้วยมีดส้อมสุดหรูอย่างเอร็ดอร่อย คนงานที่มีงบจำกัด ก็ยากที่จะเข้าใจถึงความดีงามของ ฟัวกราส์ระดับพรีเมียม... ด้วยเหตุนี้เอง เวลาที่ Escoffier อยู่ในห้องครัวของโรงแรม Debord อาหารที่เธอทำจึงถูกจำกัด อยู่ในขอบเขตที่ลูกค้าประจำ สามารถยอมรับได้มานานแล้ว ทว่าปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ จากความนิยมของร้านอาหาร ที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ยังทำให้แรงใจของ Escoffier ที่ต้องจัดการกับพนักงานในครัว และต้องคอยควบคุมคุณภาพของ อาหารแต่ละเมนูหดหายลงไปทุกที ปัจจัยทั้งหมดนี้ ได้จำกัดความสามารถในการ สำรวจสเปกตรัมรับรสของเธอ อย่างเห็นได้ชัด แต่... จะให้ทิ้งตำแหน่งหัวหน้าเชฟ ที่อุตส่าห์ได้มาอย่างยากลำบาก ทิ้งสภาพแวดล้อมการปรุงอาหาร ที่ดีที่สุดในโรงแรม เพื่อไปตามหาเป้าหมาย ที่ยังมองไม่เห็นทางข้างหน้าเหรอ? ก่อนที่ Escoffier จะได้คำตอบ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอย่างเงียบ ๆ วัตถุดิบของโรงแรม Debord มี "Lumiline" ที่เป็นสารต้องห้ามอันตรายปนอยู่ ทำให้ภายนอกโรงแรม เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทุกคนที่อยู่ในครัวต่างหวาดวิตก Escoffier คิดว่าในเมื่อตนเป็นหัวหน้าเชฟ ไม่ว่ายังไงก็ต้องรับผิดชอบ ในความผิดพลาด เธอจึงออกตัวรับผิดชอบเอง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของโรงแรม Debord และทำให้ความวุ่นวาย ในหมู่เชฟสงบลง ทว่าตัวเธอเอง กลับถูกตัดสินโทษเพราะเหตุนี้ ส่วนความสงสัย และความอับจนทั้งหมดนั้น เธอทำได้เพียงนำมันติดตัวลงไป ยังใต้ทะเลลึกชั่วคราว * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 5 |
เรื่องราวของตัวละคร 5 | จาก "แม่ทัพขนมหวาน" ที่ท่าน Furina แต่งตั้งเอง และยอดเชฟในตำนานที่ทุกคนนับถือ จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และต้องตกต่ำมาอยู่ในป้อมปราการ Meropide... ระหว่างสองสถานะนั้น ช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน ถ้าเป็นคนอื่นละก็ อาจจะทำใจไม่ได้เพราะ แรงกระแทกหนักหน่วงนี้ไปแล้ว... โชคดีที่ Escoffier ไม่เคยกลัวอันตราย ยิ่งเป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เธอเยือกเย็นได้ ช่วงชีวิตอันแสนสั้นในป้อมปราการ Meropide กลับทำให้ Escoffier "ตกตะกอน" ได้ เธอถึงขั้นเรียกช่วงเวลานี้ว่า "การเก็บตัวครึ่งแรก" ของตัวเองด้วยซ้ำ... เมื่อขาดอาหารชั้นเลิศ ที่แกะสลักอย่างประณีต มีเพียงอาหารที่คุณภาพไม่สม่ำเสมอ ของ "โรงอาหารสวัสดิการพิเศษ" บางครั้งก็จับได้รางวัลชนะเลิศ ที่เหมือนการเพิ่มโทษ... ชีวิตแบบนี้ทรมาน Escoffier อย่างแสนสาหัส แต่ก็ทำให้เธอมองเห็น ความเป็นไปได้ในการปรับปรุง "การทำอาหารเชิงเทคนิค" จากมุมมองใหม่ที่แตกต่างออกไป ได้อีกด้วย ไม่ต้องคิดอย่างเจาะจงว่า จะสร้างรสชาติใดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เลิกให้ความสำคัญกับผลลัพธ์สุดท้าย แต่ลองจับคู่ผสมผสานให้ได้มากที่สุด วัตถุดิบแต่ละอย่าง ล้วนมีศักยภาพในการสำรวจ ซึ่งอาจให้รสชาติที่น่าทึ่งได้ หากจับคู่กันอย่างเหมาะสม ทำให้แนวคิดในการปรุงรส เปิดกว้างหลากหลายยิ่งขึ้น เมื่อมีแรงขับเคลื่อนแบบนี้ ทำให้ชีวิตใต้น้ำไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น แต่ก็ยังมีเรื่องน่าเสียดายอยู่นิดหน่อย: บางครั้งป้อมปราการ Meropide ก็เงียบสงัดราวกับสุญญากาศ บางครั้งก็วุ่นวายราวกับโรงงาน ไม่อาจเทียบกับโรงแรม Debord ที่มีเสียงเพลงสนุกสนาน ก้องกังวานอยู่ตลอดเวลาได้ ทำให้ Escoffier ที่รักในเสียงเพลง รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนที่ Furina กับ Navia มาเยี่ยม Escoffier พวกเธอได้นำเครื่องเล่นแผ่นเสียงเล็ก ๆ มาให้เธอด้วย เธอที่เหมือนได้ฝนชโลมใจ หลังจากแห้งแล้งมานาน เมื่อได้ฟังบทเพลงซิมโฟนี ที่เคยฟังจนเบื่ออีกครั้ง ก็พอจะนึกถึงอาหารที่เธอเคยกิน ระหว่างฟังเพลงนี้ไปพร้อมกันได้ แล้วแรงบันดาลใจ ก็พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย... เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คดี Lumiline ที่ที่ทำให้ Escoffier ถูกจับเข้าคุกไม่ได้สลักสำคัญ สำหรับเธออีกต่อไปแล้ว วันแรกหลังออกจากป้อมปราการ Meropide นั้น Escoffier ได้เชิญ Navia และเพื่อน ๆ มา เธอเลือกแผ่นเสียงซิมโฟนี ที่มีท่วงทำนองอันไพเราะ และจังหวะสม่ำเสมอ ที่ชวนให้ผ่อนคลาย พร้อมทั้งทำอาหารมากกว่าสิบอย่าง ทุกเมนูได้รับคำชมจากทุกคน และเมนูใหม่ "ผลึกน้ำค้างกลางใบไม้ร่วง" (Autumn Frost) ที่เธอส่งไปให้ท่าน Furina ก็ทำให้ท่าน Furina มีความสุขมาก จนลุกขึ้นเต้นรำอย่างอดไม่ได้ หลังจากนั้น Escoffier ก็ไม่ได้กลับไปที่โรงแรม Debord แต่กลับไปตั้งรกราก ที่ร้านเหล้าที่เงียบสงบใน Fleuve Cendre ด้วยการแนะนำของ Navia นับจากนี้ไป เธอจะเข้าสู่ "ครึ่งหลังของการเก็บตัว" เรื่องใด ๆ ก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำอาหาร ไม่มีทางเข้ามารบกวนเธอได้ แม้แต่วิกฤติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นกะทันหัน ก็ยังทำให้ Escoffier ว่อกแว่กไม่ได้ เธอเก็บเครื่องครัว และวัตถุดิบทั้งหมดอย่างใจเย็น ก่อนจะขึ้นเรือลี้ภัย และกลับมาที่ห้องครัว ทันทีที่ระดับน้ำลดลง... Escoffier ไม่เพียงแต่ต้องการจะคิดค้น ขนมหวานที่เหนือกว่า "Gateau Debord" แล้วนำมามอบให้ท่าน Furina เท่านั้น... เป้าหมายของเธอคือการทลาย และลบล้างขอบเขต ของอาหารดั้งเดิมให้หมดสิ้น เธอจะไม่ต่อต้านความเคยชิน ของธรรมเนียม แต่จะนำเครื่องปรุงใหม่ ๆ ใส่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคนิคเหมือนการผสมสี นำมาซึ่งการปฏิวัติ และความก้าวหน้าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป... สร้างโลกแห่งรสชาติที่ไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ เพื่อให้อาหารพื้น ๆ ได้เข้าสู่เส้นทางแห่งความสง่างาม และทำให้อาหารหรูหราราคาแพง ปล่อยวางความเย่อหยิ่งลง... จนกว่าจะค้นพบจุดสูงสุด แห่งความอร่อยใหม่ในที่สุด ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่อาจไต่เต้าไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่ก็ต้องพยายามต่อไป อย่างไม่ย่อท้อ นี่จะเป็นการเดินทางตามหารสชาติ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นเวลาและสถานที่ใดก็ตาม ในทุกช่วงเวลาที่เธอ ได้รับแรงบันดาลใจใหม่ หรือได้รับวัตถุดิบใหม่ เธอก็จะเริ่มทุ่มเทศึกษาอย่างสุดกำลัง สำหรับความท้าทายที่ใกล้จะต้องเผชิญ Escoffier รู้อยู่แก่ใจนานแล้ว ในแววตาเธอราวกับมีสีสัน ของยอดเขาแห่งรสชาติอันล้ำเลิศ สะท้อนอยู่ในนั้น มันสะท้อนประกายแห่งแรงบันดาลใจ อันไร้ที่สิ้นสุดของเธอ ที่ขาวบริสุทธิ์ดุจปีกของห่านปีกหิมะ... * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6 |
ชุดกลไกทำอาหารอเนกประสงค์ | เชฟที่มากประสบการณ์ มักจะจัดการกับวัตถุดิบหลายชุด ได้พร้อมกัน ในฐานะผู้บุกเบิกของ "การทำอาหารเชิงเทคนิค" เวลาที่ Escoffier ทำอาหารยังยุ่งกว่า ฟันเฟืองที่หมุนเร็วจี๋ซะอีก หากบอกว่าเชฟคนอื่น ๆ สามารถปรุงรสด้วยวัตถุดิบที่มี "รูปร่าง" ได้ การปรุงอาหารของ Escoffier ก็คือ "กระบวนการรับรส" ที่สร้างขึ้นจากตรรกะพื้นฐาน จึงจำเป็นต้องหั่นวัตถุดิบ ให้ละเอียดเป็นสองเท่า แล้วจึงทำการปรุงอาหารที่ซับซ้อน กลั่นกรองและสกัดให้บริสุทธิ์ โดยเฉลี่ยแล้ว กระบวนการเตรียมอาหารแต่ละเมนู มีขั้นตอนมากกว่า วิธีปรุงอาหารแบบดั้งเดิมถึง หกสิบขั้นตอน ด้วยเหตุนี้ Escoffier จึงพยายามสำรวจขีดจำกัด ของการทำงานพร้อมกัน ก่อนที่จะเริ่มปรุงอาหาร เธอจะแบ่งลำดับงานที่ต้อง ทำด้วยสองมือในแต่ละช่วงเป็นวินาที เหมือนกับการเล่นดนตรี และยังต้องซ้อมมือก่อนที่จะ เริ่มปรุงอาหารอย่างเป็นทางการด้วย ในช่วงเวลานั้นเอง ผู้คนในวงการเชฟ จึงเปรียบการทำอาหารของ Escoffier ว่าเหมือนกับ "ระบำวอลซ์ในห้องครัว" แต่หลังจากฝึกซ้อมไปสักพัก จู่ ๆ Escoffier ก็ได้สติกลับมาว่า: "ฉันเป็นเชฟ ไม่ใช่นักแสดงบนเวทีสักหน่อย!" การนำผู้ช่วยและอุปกรณ์ ที่อำนวยความสะดวกเข้ามาใช้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Escoffier เพื่อการนี้ ช่วงแรกที่เริ่มรับทำ "เมนูตามสั่ง" Escoffier จึงได้ไปหา วิศวกรจากศูนย์วิทยาศาสตร์ Fontaine หลายคน แล้วสั่งซื้ออุปกรณ์พิเศษ และพัฒนาร่วมกับ ผู้เชี่ยวชาญด้านกลไกเหล่านี้ จนในที่สุดก็สร้าง "ชุดกลไกทำอาหารอเนกประสงค์ แบบทดลอง" ขึ้นมาได้สำเร็จ ซึ่งก็คือ "กลไกทำอาหารอเนกประสงค์เต็มสเปกตรัม" และ "กลไกช่วยเหลือสัญญาณการเคลื่อนที่แบบปรับตัวเอง" ซึ่งเป็นผู้ช่วย ที่พึ่งพาได้ทั้งสองของเธอ โครงสร้างของ "กลไกทำอาหารอเนกประสงค์เต็มสเปกตรัม" เหมือนการรวมร่างกันระหว่าง จานชามกับหม้อ มีพื้นฐานมาจากกลไก ที่แยกส่วนผสมของแร่ รวมกับฟังก์ชัน การปรับปริมาณวัตถุดิบ การควบคุมอุณหภูมิและ ความชื้นอย่างแม่นยำเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อมาอยู่ในมือของ Escoffier กลไกนี้แทบจะทำหน้าที่แทน เครื่องครัวได้ทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น การทำให้กลไกนี้ทำงาน ตามขั้นตอนแบบสุ่ม ก็จะทำให้ได้รับ "อาหารแบบสุ่ม" อีกด้วย Escoffier มักจะใช้ฟังก์ชันนี้ เพื่อลองผสมวัตถุดิบ ที่ไม่เคยคิดมาก่อน ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ประหลาดใจ บางครั้งก็กลุ้มใจ... "กลไกช่วยเหลือสัญญาณการเคลื่อนที่แบบปรับตัวเอง" ใช้เทคโนโลยีการสำรวจด้วยแนวคิด "ขาเทียม" ซึ่งสามารถบันทึกการเคลื่อนไหว จำนวนมากไว้ล่วงหน้าได้ และดำเนินการตามคำสั่งที่ได้รับจาก Escoffier โดย Escoffier ได้ติดตั้งมันไว้ที่ด้านหลัง ภายใต้การควบคุม อย่างพิถีพิถันของเธอ กลไกนี้จะแสดงความคล่องแคล่ว ราวกับหาง ไม่ว่าจะเป็นการหยิบใช้เครื่องมือ และวัตถุดิบ หรือช่วยส่งจานอาหาร ก็ล้วนมั่นคงและพึ่งพาได้อย่างยิ่ง แต่กลไกที่เหมือนหางนี้ บางทีก็อ่อนไหวเกินไป จนตอบสนองแม้แต่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ Escoffier ไฟที่แสดงสถานะการทำงานแต่เดิม จึงพลอย "แสดงสัญญาณไฟผิดพลาด" ไปเพราะเหตุนี้ด้วย ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ Escoffier คงขอให้วิศวกรถอดไฟของกลไก ออกทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มัน "ทรยศ" อารมณ์ความรู้สึกของเธอเองแล้ว... * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 4 |
วิชั่น | เทียบกับเปลวไฟที่ลุกโชนแล้ว Escoffier ชอบก้อนน้ำแข็งเย็นเฉียบมากกว่า ในขอบเขตของเทคโนโลยีฝีมือมนุษย์ การ "ลดอุณหภูมิ" นั้น ยากยิ่งกว่าการ "เพิ่มอุณหภูมิ" ให้สูงขึ้นเสียอีก อุณหภูมิต่ำคือกุญแจสำคัญ ในการล็อกรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบ ก่อนจะใส่วัตถุดิบลงหม้อ หรือแม้กระทั่งก่อนจะ เสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะ ความสำคัญของ "การรักษาความสดใหม่" นั้นไม่ต้องพูดก็เป็นอันเข้าใจกัน Escoffier จึงพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้แน่ใจว่า จะได้รับน้ำแข็งคุณภาพเยี่ยม แม้ว่าไอเย็นจาก Mist Flower จะให้ผลลัพธ์ไม่เลว แต่พื้นที่ที่มีผลนั้นมีจำกัด กำลังในการลดอุณหภูมิ ก็ค่อนข้างน้อย ส่วนการใช้สารเคมี เพื่อทำให้เย็นลงนั้น ก็ใช้ต้นทุนสูงลิ่วจนน่ากลัว แม้แต่โรงแรม Debord ยังรับมือไม่ไหว หรือต่อให้เป็นกลไกของ ศูนย์วิทยาศาสตร์ Fontaine ก็ไม่สามารถลดอุณหภูมิให้ต่ำลง ต่อเนื่องอย่างไร้ขีดจำกัดได้... Escoffier เคยไปที่ภูเขา Dragonspine เพื่อตามหา "แหล่งกำเนิดความเย็นลึกลับ" ในตำนาน เธอห่อตัวเองด้วยเสื้อคลุมหนาหนัก และผ้าพันคออย่างแน่นหนา สะพายกระเป๋าเดินทางที่หนักอึ้ง พร้อมกับถือหอกเหล็กแหลม Iron Point ธรรมดา ๆ เล่มนึง เตร็ดเตร่ไปทั่วภูเขา Dragonspine นานสิบกว่าวัน จนกระทั่งหอกของเธอพังยับเยิน เธอก็ยังไม่พบเป้าหมายอยู่ดี ด้วยเพราะบาดแผล จากการถูกมอนสเตอร์โจมตี และอาการหิมะกัดที่รุนแรง ทำให้เธอได้แต่ต้องกลับบ้านมือเปล่า ระหว่างทางกลับ Escoffier ยังได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับ สิ่งมีชีวิตธาตุน้ำแข็งอันน่าอัศจรรย์ "Daleth" ซึ่งทำให้เธอเสียใจยิ่งกว่าเดิม เป็นทวีคูณ และความปรารถนาใน "แหล่งกำเนิดความเย็น" ก็กลายเป็นความหลงใหลของเธอ รองลงมาจาก การพัฒนาทักษะการทำอาหาร ในระหว่างการเดินทาง ไปตามหาวัตถุดิบใหม่ที่ Natlan อีกหนหนึ่ง อากาศอันร้อนระอุทำให้ Escoffier รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก ทำให้ดูเส้นทางบนแผนที่ ผิดหลายต่อหลายครั้ง จนเข้าไปยังพื้นที่อันตราย โดยไม่ตั้งใจ ซ้ำร้าย ตอนที่ Escoffier เพิ่งจะเจอพวกมันไม่กี่ต้น กลับเผลอปลุก "Avatar of Lava" หลายตัวขึ้นมา และถูกล้อมโจมตีจนเกือบตาย ความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ของ โฟลจิสตันเกือบทำให้เธอสลบไป ขณะที่เธอรีบร้อนถอยหลัง โฟลจิสตันที่ระเบิดอยู่รอบ ๆ ก็ระเบิดจนทำให้เธอล้มลงกับพื้น จนถึงเวลานี้แล้ว Escoffier ยังคงกอดกระเป๋าเป้ และอุปกรณ์ทำครัวกับวัตถุดิบไว้แน่น ความคิดนั้นยังคงดังก้อง ในหัวเธออย่างต่อเนื่อง... ก้อนน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็ง... ความทรงจำหลังจากนั้นเลือนราง ราวกับว่า เธอเผลอดื่มเหล้าดีกรีแรงลงไป นึกออกเพียงราง ๆ ว่า ด้วยเพราะ... กระแสลมหนาวเย็นที่พุ่งออกมา จากด้านหลังอย่างต่อเนื่อง เธอจึงดับเปลวไฟที่ลุกติดบนร่างกาย และหนีออกมาจากพื้นที่ ที่มอนสเตอร์เคลื่อนไหวได้สำเร็จ จนกระทั่งเธอนำวัตถุดิบหายาก กลับมายัง Fontaine เธอถึงได้รู้ว่า ด้านหลังของเธอมีวิชั่นเรืองรอง และเย็นเยียบห้อยอยู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดรู้ได้ ความตื่นตระหนกถูกแทนที่ด้วย ความประหลาดใจ ความสุขนี้ทำให้ Escoffier ลืมความเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กายไปสิ้น เพื่อที่จะคงสติให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา Escoffier จึงผูก "วิชั่น" ไว้ที่โบว์ผูกผมของเธอ ด้วยหวังว่ามันจะช่วยทำให้สมอง ของเธอเย็นลงได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อที่เธอจะได้รักษาความเยือกเย็น ภายในห้องครัว ที่ไฟกำลังลุกโชนอยู่ได้... เมื่อได้ความช่วยเหลือจาก "วิชั่น" ทำให้ Escoffier ทำความปรารถนาของตัวเอง ให้เป็นจริงได้ในที่สุด... นั่นก็คือแช่แข็งวัตถุดิบอาหาร ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่เพียงแค่นี้ หลังจากใช้พลังธาตุที่ได้จากมัน อย่างชำนาญแล้ว Escoffier ก็นำมันมาผสมผสานกับ "กลไกทำอาหาร" แต่เดิม และได้รับพลังต่อสู้ที่มากขึ้น ทำให้ขอบเขตการค้นหา วัตถุดิบอาหารของเธอ กว้างขึ้นอย่างมาก... แม้แต่ปัญหาของเครื่องครัว ก็ยังแก้ไขได้อย่างง่ายดาย... มีดทำครัวและกระบวยที่ทำจากน้ำแข็ง ที่มีพลังธาตุนั้นทนทานมาก แถมยังเปลี่ยนใช้ได้สะดวก ช่วยให้ Escoffier ลดน้ำหนักในการพกพาอุปกรณ์ และตัดปัญหาเรื่องที่ต้อง ล้างอุปกรณ์เองอีกด้วย เพียงแต่ ในฐานะเชฟที่เชี่ยวชาญ ในการใช้น้ำแข็งมากที่สุดใน Fontaine... หรืออาจจะทั่วทั้ง Teyvat นั้น Escoffier กลับทำไอศกรีมไม่บ่อยนัก... บางทีสักวันหนึ่งในอนาคต เธออาจจะหยิบมันมาเป็น วิชาอาหารเฉพาะทางแขนงหนึ่ง ศึกษาอย่างจริงจัง และพัฒนาออกมาเป็น ขนมหวานน้ำแข็งที่สามารถทำได้ทุกเมื่อ ก็เป็นได้? * ปลดล็อกเมื่อความประทับใจถึง Lv. 6 |
222 responses to “Escoffier”
Give me the reasons why someone sane of mind should choose her instead of Kazuha,Citlali or Xilonen? she is Shenhe 2.0 and will break the record of how fast she will die.
First of all, chill mate.
Second, because she can work together with all the three you mentioned much better than Shenhe, given that she gives an unconditional hydro+cryo RES shred just by being in the team in a similar fashion as Xilonen does and, unlike Shenhe, Escoffier base perks are basically always active.
She deals nice dmg, she can use Shenhe quills, she heals team wide so pair well with Furina, she free your Kazuha or Xilonen for another team.
She will better in ST scenarios than all the unit you mentionned. For freeze team and mono cryo, she will be better than Xilo and Citlali, but Kazuha will stay better in AoE because of swirl dmg and grouping.
But you are right about the pull value for a new player, if you don’t have any of the four unit mentionned, Kazuha or Xilo will be more versatile.
thank the lord we have someone with a brain, also she demands a very specific team element spread for her max shred. its turbo cap bs. somone who only brings dmg to the table for the most part isnt interesting. also people have this weird idea that a signature should just be inherently counted as part of her kit. this is dumb af
I mean… its called their signature for a reason. With that logic, just run Beginner’s Protector or something.
Weapons are a VERY vital part of a characters kit – its stupid to think otherwise. Take the Favonius series as an example, 90% of the time u want at least 1 user on ur team because of its effect. Fav sword is basically Furina’s 4star sig anyway – the same could be said for ANY buffer.
If signature is a vital part of a character, then Hoyo should make them guaranteed like WUWA and stop being greedy
why like wuwa? why not make them guaranted on 30 pull?
both of them are greedy dev!
genshin, unlike wutheMID graves also gives nice 4* options. And you cna find way to either work around or mitigate the problems that come with not using signature. Also said signature weapons still work in some way or the other with other existing characters.
Meanwhile wuwa has none of that, it makes their weapon be what is essentially HSR lightcones. Also the game is overall slop or unpolished mediocrity.
i think you should actually play games andre
boring design. you can assume Natlan design team made this character.
Contrary to you. I find Natlan character designs are very interesting and eyecatching, really. Also add their exploration devices or rides.
I have no idea how is your taste if you say Natlan char design is boring. 😄
Escoffier is literally the first Fontaine 5-star character design that I like! Aside from a few 4-stars like Lynette and Charlotte, Fontaine has had my least favorite designs out of any nation in Genshin Impact. (I skipped almost every banner in the 4.X patches for this exact reason.)
I’m glad to see a 5-star from Fontaine that I’ll actually be willing to spend money on. Planning to go for at least C1R1, but I might go C4 if the 4-stars on her banner are good. We’ve been having some crazy awesome 4-star lineups recently, so I hope Escoffier can continue that trend. (I’m hoping for Lan Yan, Kuki, Yao Yao, and/or Charlotte personally) =^-^=
“boring design” said the one who overglazes the french. Quiet down please.
also, a true fontaine fan never speaks ill of natlan.
“true fontainian fan never speaks ill of natlan” my guy you literally said the only “fontainian” that is eye catching is arlecchino and chiori you have no right to say that
I have a feeling they’re setting the stage for the Tsaritsa…
I could be wrong tho bc they’re trying to CPR cryo which is nice…
but I have a FEELING y’know…
They could. But for now its Neuvillette then maybe Skirk? – thats whats been going around at least.
well Escoffier is gonna babysit my Ganyu and SHES GONNA LIKE IT
genuine question, answer it if you know, don’t answer it if you just want to be salty.
why is her ascension bonus CRIT rate if she’s a support and healer?
The multipliers on her E is not that bad, and given that her healing incentivises Furina as a teammate, she will deal non-neglegible damage. She also has a much higher base ATK than lets say, Charlotte or Jean; and her all-hydro/cryo requirement means she has less (if not none) energy problem, so she will be able to provide plenty of healing despite her healing multipliers being lower than Charlotte (and Escoffier has a 15s CD rather than Charlotte/Jean/Sayu’s 20s, so it’s barely lower depending on the team). The higher base ATK and lower energy requirement also means she can easily invest more into damage, maybe ATK/ATK/Crit artifacts.
Favonius Lance
Im gonna assume that her bis artifact set is gonna be golden troupe, no?
Song of Days Past – but stat her as u would for any sub dps
What absolutely not u want golden troupe she does good damage idiot
And why not?
If you used your eyes, then your brain, u’d realise that just because character can do damage, doesn’t mean you should use personal damage orientated sets.
In a team Revolving around: Escoffier, Furina and Shenhe/Citlali supporting 1 main-field dps, I’d choose to further buff the Main-field dps rather than boost Escoffier’s personal damage. Why? Because they’re supports first and foremost. You, the player, aren’t using Escoffier with the initial idea of her personal damage, but for the support she provides – same w/ Furina and any other support.
Now, I won’t and can’t fix all stupidity in the world, but I can at least try to inform the misinformed:
“Song of Days Past” buffs your active character based on the amount of healing the user has dished-out, including over-healing. Escoffier is a healer & debuffer, so it goes to say that “Song of Days Past” is probably her best and intended set. She wouldn’t heal otherwise
The devs plan things out months, or even years ahead. It’s no coincidence that when an artifact set releases with seemingly no-one to use it effectively, a character that releases in the future could have/want that set as their preferred option.
plz do not listen to this guy. Escoffier does substantial damage. Use golden troupe
If you’re wondering, her E’s ICD is 1.5s and she launches her Parfaits every 1s.
Bone apple teeth.
So will she apply Cryo every other parfait?
is she even good with someone besides skirk (im not pulling for her), despite being her signature support?
Forward Melt teams, Wriothesley, Ayaka, idk
If you’re pairing her with Wriothesley or Ayaka, C1 could be good to maximise DMG albeit with the all Cryo/Hydro team restriction.
Childe and Neuvillette would also be good
forward melt team? wow!!! enjoy your 15% shred that won’t even benefit half of the team. Hoyo really need to hire bootlickers with more brain cell.
litterally any hydro cryo character ,lmfao just read the kit
just wait retardhoyo nerfs her elemental shred
thats the only selling point, shes basically a glorified cryo emillie
so for one, surprise surprise people are claiming she’s bad, of course lol.
And second I remember how so many people was complaining about freeze teams needing a buff, you basically have a healer, of field cryo dmg dealer with Hydro and Cryo resistance. yet you’ll see people people trying to downplay her as if no one wouldn’t pull for her for Furina’s teams or Neuvillette teams. Heck maybe Wriothesley teams would be better with her in the teams.
It’s just another case of people reading and just saying “Nahh must be bad cause no big dmg”
“It’s bad because my favorite genshintuber/theorycrafter said so and you should just agree.”
It’s not that hard to get why she’s “not good”. She definitely is good in her niche, but doesn’t seem worth it, probably she’ll be a support for Skirk more than the current freeze meta.
Freeze has the current meta of Xilonen and Furina, Furina C0 has always had the problem of needing half your rotation to fulfill that fanfare’s cap, then, Furina is there for her damage than the buff itself, ’cause she’s one of the best SubDPS in the game, since Kokomi does literally nothing, Furina is by far the best choice. And frozen/permafreeze teams no longer matter, ’cause Abyss, the only content in the game where there is a reason to build your character, is full of bosses and enemies that don’t give a shit about being frozen, so yeah…
If you play Escoffier, you can only use Cryo and Hydro characters, meaning you need to play Shenhe, Escoffier, Furina. The problem there is that Escoffier (just for now), we don’t know what types of buffs the food she cooks with the E gives, or if they give any buff at all or just heal, ’cause you’re loosing a massive damage buff from Xilonen (40%), even if Scoffier has more resistance shred, the damage buff that you loose for using her is MASSIVE, you in the case of the current freeze meta, you’re loosing more damage than what you’re gaining.
Or well, you can just pull for her C1 and don’t care ’cause that gives 60% Cryo DMG… yeah… not P2W at all.
If you don’t count Escoffier’s personal damage, and that she can instantly cap Furina’s fanfare (unless everyone starts at full hp, which does happen in abyss but only on the beginning of the first chamber), then yes she would be weaker than Xilonen by ~23% assuming 10% res enemy (higher res goes in Escoffier’s favour but only slightly):
Escoffier: 55% shred = 122.5% damage
Xilonen: 36% shred × 40% dmg bonus = 158.2% damage
However, when Furina’s fanfare is capped as soon as possible:
Escoffier: 55% shred × 75% dmg bonus = 214% damage
Xilonen: 36% shred × (40% + 75%) dmg bonus = 243% damage
As you can see the gap already lessened to ~12%, and will close further with more dmg bonus in the team. Generally the team will have at least 50% more dmg bonus from artifacts and etc., which means the remaining difference (less than 8%) is easily supplemented, or even overcome, by Escoffier’s own damage (which, also benefits from Shenhe and all the forementioned buffs).
Finally a character that looks good after months of natlan
as expected of the greatest nation in tyvat.
“a character that looks great” and it’s a female cook wearing an apron and high heels.
The only technically fontanian characters that looks slightly eye-catching is Arlecchino, and Chiori i guess. The rest is monotonous slop that rivals mediocre character design with wuthemid graves