บันทึกสำรวจทางโบราณคดีของ Soheil

บันทึกสำรวจทางโบราณคดีของ Soheil
บันทึกสำรวจทางโบราณคดีของ SoheilNameบันทึกสำรวจทางโบราณคดีของ Soheil
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyNon-Codex Series, Non-Codex Lore Item
RarityRaritystr
Descriptionบันทึกที่ Soheil นักวิชาการของสถาบันเคยเขียนเอาไว้ ในตอนที่เข้าไปทำโบราณคดีในทะเลทรายเมื่อครั้งวัยเยาว์ ดูเก่าแก่มาก แต่กลับไม่มีรอยยับย่นเลย

Item Story

...

วันที่สามสิบสอง
...ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบทะเลทราย ในหนึ่งเดือนนี้ ทุกคนได้บันทึกข้อมูลทั้งหมดที่ค้นพบจากภายนอกของสุสานราชา Deshret ไว้หมดแล้ว
แต่ว่าใช้ไม่ได้เท่าไหร่ สิ่งที่จดบันทึกได้ก็จดเอาไว้หมดแล้ว
ตอนที่เห็นว่ามีคนเขียนหัวข้อที่เข้าใจได้ยาก และมีมุมมองที่ซับซ้อนอย่าง "การวิเคราะห์โดยสังเขปเกี่ยวกับสุนทรียภาพความงามของสถาปัตยกรรมสุสานราชา Deshret ผ่านมุมมองของการเอียงแกนทุกด้านของสุสาน" ฉันก็รู้ทันทีว่า มีเพียงการเข้าไปในสุสานราชา Deshret เท่านั้น ที่จะทำให้พบเจอการค้นพบใหม่ ๆ ในงานวิจัยได้
แต่พวกเราก็ยังเข้าไปในสุสานราชา Deshret ไม่ได้เหมือนดังเช่นก่อนหน้านี้ ความอดทนและน้ำจืดของทีมนักโบราณคดีที่พกติดตัวมาก็เหลือน้อยลงทุกที
ยืนหยัดต่อพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันละกัน หวังว่าจะเหมือนกับในตำนานต่าง ๆ นานา ที่เขาเล่าขานกัน เมื่อลองพยายามในครั้งสุดท้าย น้ำพุก็จะผุดขึ้นจากหลุมที่แห้งแล้ง กำแพงอุปสรรคที่แข็งแกร่งก็จะพังทลายลงมา

วันที่สามสิบสี่
กลับหมู่บ้าน Aaru

วันที่สามสิบห้า
จะกลับไปมือเปล่าแบบนี้ไม่ได้ ต้องคิดหาวิธี ไม่งั้นจะถูกมองเป็นตัวตลกเอาได้นะ...

วันที่สามสิบแปด
พบซากโบราณสถานหนึ่งแห่ง แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ก็เหมือนจะมีกลไกที่มองไม่เห็นมาขวางพวกเราเอาไว้ ผลักเราออกมา
ฉันค่อนข้างมั่นใจว่า ที่แห่งนี้ต้องเป็นกลไกที่ราชา Deshret สร้างขึ้นมา เพื่อปิดบังการปกครองที่ชั่วร้ายของเขา

วันที่สี่สิบสอง
ค้นพบโบราณสถานโปร่งแสงที่คล้าย ๆ กันอีกสามแห่ง รวมทั้งหมดเป็นสี่แห่ง แต่ก็ยังหาประตูทางเข้าไม่เจออยู่ดี ทำได้แค่บันทึกตำแหน่งของพวกมันเอาไว้
รู้สึกเหมือนเป็นภาพลวงตา บางทีอาจจะต้องใช้ "วิชั่น" ถึงจะเปิดออกได้ กลับไปหาข้อมูลกันอีกสักหน่อยเถอะ

วันที่สี่สิบห้า
มาถึง The Dune of Carouses ใกล้กับโบราณสถานรูปทรงกรวยที่ดูคล้ายสุสานราชา Deshret แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก จึงเรียกว่า "สุสานเริงสำราญ" เป็นการชั่วคราว แม้จะเล็กกว่าสุสานราชา Deshret มาก แต่ก็ยังจินตนาการได้ยากว่าสมัยนั้น ราชา Deshret ใช้ข้าทาสบริวาร สร้างสิ่งก่อสร้างแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง
ที่น่าผิดหวังก็คือ สถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยพลังลึกลับที่เคยพบในโบราณสถานก่อนหน้านี้ และในตอนนี้ก็ยังเข้าไปไม่ได้เหมือนเดิม

อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย พรุ่งนี้เดินทางไปยังส่วนลึกของทะเลทรายต่อ และลองดูว่าจะหาโอเอซิสที่ตำนานเล่าขานเจอหรือเปล่า


วันที่สี่สิบหก
ทีมนักโบราณคดีถูกกลุ่ม Eremite โจมตี พวกเขาเรียกตัวเองว่า "Thutmose" ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเขามาก่อน
ที่ทำให้ต้องตะลึงก็คือ คนนำทีมเป็นเด็กหนุ่มสองคน คนหนึ่งอยากที่จะฆ่าพวกเราทิ้งให้หมด แต่ถูกอีกคนหนึ่งห้ามเอาไว้ แล้วปล่อยพวกเราให้รอดกลับมา

ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นผู้คลั่งไคล้ราชา Deshret ดูไม่ใช่คนดี แต่ฉันก็หวังว่าราชา Deshret จะคุ้มครองเด็กคนนั้นตลอดไป ขอให้ขวานของเขาคมอยู่เสมอ
ครั้งนี้จำต้องกลับสถาบัน และเผชิญหน้ากับการเย้ยหยันของทุกคนแล้ว... บอกตามตรง ถ้าเทียบกับการถูกหัวเราะเยาะแล้ว สิ่งที่น่าเจ็บปวดกว่าก็คือความรู้ที่ไม่กระเตื้องขึ้นเลย
ต่อหน้าทะเลต้นไม้แห่งความรู้อันไร้ขอบเขต ฉันก็เหมือนกับหอยทากที่เพิ่งจะไต่ขึ้นสู่หนึ่งในกิ่งไม้...

จริงสิ ยังมีอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วง แกะที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มันมักจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ชาวบ้านต่างเชื่อว่าแกะพวกนี้ถูกโขดหินกลืนกินเข้าไป จึงได้ตั้งชื่อที่ตรงนั้นว่า "Lamb-Devourer Rock (ศิลาเขมือบแกะ)"
กลุ่ม Eremite พวกนี้จู่ ๆ ก็โผล่มาจากภูเขาหิน และจู่ ๆ ก็หายไปกลับเข้าไปในนั้น แกะเหล่านั้นอยู่ที่ไหนกันแน่นั้น ฉันว่าคำตอบชัดเจนแล้วล่ะ...
บางที Thutmose เหล่านั้นอาจจะมีวิธีพิเศษในการซ่อนร่องรอย หรือบางทีอาจจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ เอาเป็นว่า จดสถานที่ไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ถ้าเป็นไปได้ ครั้งหน้าถ้ามาอีกก็หาทหารรับจ้างจาก Thutmose มาเป็นคนนำทางดีกว่า

...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TopButton