บทเพลงแห่ง Erinnyes

IconNameRarityFamily
บทเพลงแห่ง Erinnyes (I)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (I)4
RarstrRarstrRarstrRarstr
Book, บทเพลงแห่ง Erinnyes
บทเพลงแห่ง Erinnyes (II)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (II)4
RarstrRarstrRarstrRarstr
Book, บทเพลงแห่ง Erinnyes
บทเพลงแห่ง Erinnyes (III)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (III)4
RarstrRarstrRarstrRarstr
Book, บทเพลงแห่ง Erinnyes
items per Page
PrevNext
Table of Content
บทเพลงแห่ง Erinnyes (I)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (II)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (III)

บทเพลงแห่ง Erinnyes (I)

บทเพลงแห่ง Erinnyes (I)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (I)Nameบทเพลงแห่ง Erinnyes (I)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, บทเพลงแห่ง Erinnyes
RarityRaritystrRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionทูตของจักรพรรดิ Remus ได้มาพบ Erinnyes โดยร้องขอน้ำกับดินของปราสาท Aremori จากนาง แล้วจะขอให้นางยอมจำนนต่อ Sumphonia Capitolii (หมายถึงท่วงทำนองที่สามัคคี ปรองดองชั่วนิรันดร์) ได้อย่างไร
ตอนที่ 6
บทที่ 7
ทูตของจักรพรรดิ Remus ได้มาพบ Erinnyes โดยร้องขอน้ำกับดินของปราสาท Aremori จากนาง แล้วจะขอให้นางยอมจำนนต่อ Sumphonia Capitolii (หมายถึงท่วงทำนองที่สามัคคี ปรองดองชั่วนิรันดร์) ได้อย่างไร

เกี่ยวกับการกระทำอันสูงส่งของอัศวิน Otkerus แห่ง Rhenanie ในความกล้าหาญและความชอบธรรมของเขา รวมถึงในสถานการณ์ที่เขาต่อสู้กับมังกรร้ายพ่นพิษนั้น
เคยเล่าไปไม่น้อยแล้ว ขอพักไว้เพียงเท่านี้ หยุดพูดถึงมันไปก่อน ตอนนี้พวกเรากลับไปอธิบายสถานการณ์ของ Erinnyes ในตอนนั้นกันดีกว่า

ในตอนนั้น Erinnyes ได้เอาชนะเจ้าชายแห่ง Bellouacoi, Atrebatis และ Uiromanduoi อีกทั้งยังได้ยอมรับการสวามิภักดิ์จากพวกเขา
ส่งผลให้ดินแดนที่แต่เดิมอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าชายในแต่ละอาณาเขต เริ่มตระหนักถึงความเมตตาของเจ้าแห่งผืนน้ำ และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างภักดี
เพื่อฉลองให้กับความซื่อสัตย์และความเข้าซึ้งในสัจธรรมของพวกเขา งานฉลองจึงได้จัดขึ้นที่ Aremori เป็นเวลาแปดวันติดต่อกัน การต้อนรับขับสู้ชาวเมืองโดยไม่ยึดติดกับสถานะใด ๆ

วันนี้จู่ ๆ ก็มีนักดนตรีผู้หนึ่งมาเยือน เขาเป็นทูตที่จักรพรรดิแห่งโลกปีศาจของเมือง Capitolii ส่งมา โดยบอกว่าได้รับคำสั่งให้มาส่งข่าว
เขาขี่ม้ามาที่นี่เพียงลำพังโดยไม่มีคนอารักขาหรือคนรับใช้ และเขายังถือมัดแขนงไม้ของผึ้งสีทองไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของทูตพิเศษของจักรพรรดิ
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันไม่สบอารมณ์ แต่เพราะต้องการแสดงความเคารพต่อผู้นำของอัศวิน Erinnyes ถึงได้อนุญาตให้เขาพูดต่อหน้าผู้คน
เมื่อทูตรายนั้นได้เจอกับ Erinnyes อันดับแรกเขาทักทายนางและทำความเคารพตามมารยาทอย่างเป็นทางการที่สุด จากนั้นจึงอธิบายจุดประสงค์ที่มาหานาง:

"ในนามของจักรพรรดิผู้ทรงเกียรติและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งโลกปีศาจ จักรพรรดิของเหล่าขุนนางและประชาชนทั้งหลายในโลกหล้า ข้าขอแสดงความเคารพต่อราชสำนักของท่าน
ขอให้ไฟแห่งความพิโรธของท่านไม่เผาผลาญพรสวรรค์ในการพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ จักรพรรดิ Remus ได้มีบัญชาให้ท่านนำของกำนัลสองชิ้นไปถวายเพื่อเป็นบรรณาการตามกฎหมาย:
ประการแรกคือน้ำ เพราะน้ำบริสุทธิ์สามารถละลายสิ่งชั่วร้ายได้ ประการที่สองคือดิน เพราะดินที่แน่นและแข็งสามารถทนต่อการกัดเซาะที่จะเกิดขึ้นได้
จักรพรรดิแห่งโลกปีศาจปรารถนาให้ท่านพร้อมด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ส่งมอบน้ำและดินมา หากท่านกล้าฝ่าฝืนคำขอนี้ หายนะจะบังเกิดตามที่คาดไว้อย่างแน่นอน"

หลังจากทูตของจักรพรรดิ Remus พูดจบ อัศวิน Guillaume แห่ง Gellone ก็โกรธจัด เขาชักดาบศักดิ์สิทธิ์แห่ง Narbonnais ที่ส่องประกายออกจากเอว:
"นี่! ท่านไม่ต้องพล่ามต่อแล้ว! กล้ามาพูดจาจองหองป่าเถื่อนที่นี่ เท่ากับเป็นการดูถูกอัศวินทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้
หากท่านต้องการทำให้นายเหนือหัวที่ข้าปฏิญาณตนว่าจะปกป้องต้องเสื่อมเกียรติ ข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องลังเลอีกต่อไป แค่ฟันฉับเดียว ท่านก็ดับสิ้นอยู่ตรงนี้แล้ว!"
จากนั้นอัศวินฝีมือดีมากมาย อย่างเช่น อัศวิน Blancandrin รวมถึงอัศวิน Marsile เพื่อนร่วมชาติของเขา ต่างพากันชักดาบออกมา

อัศวิน Erinnyes ผู้มีดวงตาส่องประกายก็ออกคำสั่งห้ามอัศวินทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ ห้ามกระทำการที่เป็นอันตรายต่อทูตของชาว Capitoliani
"ท่านกรุณาแจ้งจักรพรรดิแห่งโลกปีศาจเถิด ทูตผู้สูงศักดิ์ ในบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกมนุษย์นี้ พวกเราจะคุกเข่าให้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
มีเพียงเจ้าแห่งผืนน้ำผู้เปี่ยมเมตตา นายหญิงผู้แบกรับบาปของพวกเราเท่านั้น ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ปกครองที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุด
เทพเจ้าและกษัตริย์อื่นล้วนไม่สามารถเทียบเคียงชื่อของนางได้ เพราะนางมีเมตตาที่สุดและรุ่งโรจน์ที่สุดจริง ๆ"

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทูตของจักรพรรดิแห่งโลกปีศาจก็เอ่ยปากพูดอีกครั้ง และได้พูดสิ่งนี้ต่อหน้าขุนนางและอัศวินทั้งหมด:
"ตอนที่จักรพรรดิแห่งโลกปีศาจยังไม่ได้ปกครองดินแดนทั้งหมดนั้น ภัยพิบัติ เช่น สงคราม โรคระบาด และความอดอยาก มักคืบคลานเข้ามาหาพวกเราเสมอ
ทุกฝ่ายและทุกคนที่เดิมทีเคยปะทะอาวุธกัน ตอนนี้ได้ยอมจำนนต่อ Sumphonia ผู้สูงศักดิ์และรุ่งโรจน์แล้ว นี่เป็นการกระทำที่ชาญฉลาด
ไม่เช่นนั้น ในตอนที่น้ำไหลท่วมหัวของพวกเรา ใครเล่าจะไว้ทุกข์ให้พวกเรา? ในยามวิกฤติเล่า จะร้องขอความช่วยเหลือจากใคร?
ในบรรดาผู้ที่มีจิตใจฮึกเหิมจากทุกที่ จะมีใครเคยช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากความไม่รู้และความเชื่อที่โง่งมบ้าง? แล้วเสียงคร่ำครวญของผู้อ่อนแอ จะร้องระบายกับใครได้บ้าง?
คำบัญชาของจักรพรรดิไม่ได้เกิดจากความอาฆาตพยาบาท แต่เกิดจากความเวทนาสงสาร ที่ไม่อยากเห็นผู้ใดจมอยู่ในน้ำ แต่อยากเห็นทุกคนรอดชีวิต"

บทเพลงแห่ง Erinnyes (II)

บทเพลงแห่ง Erinnyes (II)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (II)Nameบทเพลงแห่ง Erinnyes (II)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, บทเพลงแห่ง Erinnyes
RarityRaritystrRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionอัศวินแต่ละเมืองใช้วิธีไหนในการขอความร่วมมือจาก Erinnyes เพื่อต่อต้านแผนการรุกรานของชาว Capitoliani
ตอนที่ 6
บทที่ 9
อัศวินแต่ละเมืองใช้วิธีไหนในการขอความร่วมมือจาก Erinnyes เพื่อต่อต้านแผนการรุกรานของชาว Capitoliani

หลังจากที่อัศวิน Agricane พูดจบ อัศวิน Drest เจ้าชายแห่ง Lyonnais นักแม่นธนูก็ออกมากล่าวถึงมุมมองของเขาเป็นคนแรกว่า:
"ทายาทของ Vivarium ความรุ่งโรจน์ที่เขาให้สัญญากับพวกเราไว้ เป็นแค่คำพูดโป้ปดมดเท็จ คำสาบานที่เขาให้พวกเราไว้ มันก็เป็นแค่อุบายลวงหลอก
อัศวิน Erinnyes แห่ง Lakelight บุคคลผู้ชาญฉลาดและสูงศักดิ์อย่างท่าน คงไม่หลงเชื่อวาจาลวงและความหน้าซื่อใจคดของเขาง่าย ๆ
จงสังเกตถึงความเสแสร้งที่เหมือนดั่งลูกศรพิษเคลือบเงิน ยิ่งแสงที่พาดผ่านท้องฟ้าเรืองรองมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดที่นำพามาก็จะยิ่งลึกซึ้งยาวนานขึ้น"

สหายหญิงของเขา สุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์แห่งเรือใบสีฟ้า ที่มีชื่อว่า Adsiltia ซึ่งแปลว่าธิดาแห่งน้ำแข็ง ก็กล่าวต่อหลังจากนั้นด้วยว่า:
"ทายาทของ Vivarium เขาคือคนทรยศที่เชื่อถือไม่ได้และไร้คุณธรรมมากที่สุดในโลก แต่กลับยินดีพูดคุยอย่างสมานฉันท์กับ Boethius นั่นเสียได้
อัศวิน Erinnyes แห่ง Lakelight ไม่ว่าเขาจะหาเหตุผลใดมาก็ตาม พวกเราก็ไม่ควรนั่งทนดูชาว Capitoliani กำราบคนดีอภิบาลคนเลว
ขอให้ท่านตัดสินใจโดยเร็ว เพื่อร่วมต่อสู้ไปกับราชสำนักของชาว Capitoliani เมื่อใดที่ยอมคุกเข่าให้พวกเขา วิญญาณทั้งหลายก็จะพากันโรยรา
ท่านต้องทำให้คนที่ทำชั่วแห้งเหือดไปเหมือนน้ำค้าง ผู้ใดที่สาบานเท็จและเมินเฉยต่อความชอบธรรม ก็จะถูกขับไล่ออกไปจากโลกนี้เช่นกัน
แน่นอนว่าจะต้องมีคนร้องสรรเสริญให้กับความชอบธรรมของท่าน เพราะผู้ที่แสวงหาหนี้เลือดพวกนั้น จะเป็นที่จดจำของคนที่ทุกข์ยากด้วยเช่นกัน"

จากนั้น อัศวิน Naimes, อัศวิน Tuplin และอัศวินผู้มีชื่อเสียงที่มีเกียรติและมีน้ำใจคนอื่น ๆ ก็ยินดีทุ่มเทพลังให้ด้วยเช่นกัน
Erinnyes เข้าใจความคิดของพวกเขา จึงได้แสดงความขอบคุณต่อพวกเขาอย่างจริงใจ และเรียกนักดนตรีคนนั้นมา พร้อมพูดกับเขาว่า:
"ท่านทูตผู้สูงศักดิ์ ท่านช่วยไปรายงานให้จักรพรรดิแห่งโลกปีศาจทราบด้วยว่า เราไม่มีภาระที่ต้องยอมจำนนต่อราชาองค์ใดในโลกนี้
เพราะนายหญิงแห่งผืนน้ำให้เกียรติพวกเราอย่างเท่าเทียมกัน นางไม่ยอมให้คนเย่อหยิ่งมาเหยียบย่ำข้า และไม่ยอมให้คนชั่วช้ามาขับไล่ข้าออกไป นอกจากนี้
ข้ายังจะนำกองทัพที่ได้รับพรจากนาง ไปปราบมังกรสีขาวตัวนั้นให้ล้มพับลงไปพร้อมกับเมือง เพื่อให้พวกเขาใช้เลือดและน้ำตามาชำระล้างตัวของพวกเขา
ก็เหมือนกับคนเลี้ยงแกะที่ขับไล่แพะภูเขาออกไป เสียงน้ำพุที่พัดพาถิ่นทุรกันดาร จะคอยย้ำเตือนชาวต่างแดนที่เหยียบย่ำแผ่นดินของพวกเราอยู่เสมอ"

หลังจากการประกาศเสร็จสิ้น Erinnyes ก็สั่งให้อัศวิน Fierabras เตรียมของกำนัลที่ล้ำค่าและแสนพิเศษจำนวนมาก เพื่อมอบให้กับนักดนตรีของชาว Capitoliani
นอกจากนี้เขายังสั่งให้อัศวินคุ้มกันเขากลับไปที่ป้อม Carubdis เพื่อให้เขาไปรายงานตัวต่อจักรพรรดิ พักเรื่องนี้ไว้แค่นี้ก่อน

บทเพลงแห่ง Erinnyes (III)

บทเพลงแห่ง Erinnyes (III)
บทเพลงแห่ง Erinnyes (III)Nameบทเพลงแห่ง Erinnyes (III)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, บทเพลงแห่ง Erinnyes
RarityRaritystrRaritystrRaritystrRaritystr
DescriptionErinnyes บอกลานายหญิงแห่งผืนน้ำอย่างไร และโยนดาบของเธอลงไปในทะเลสาบถึงสามครั้งได้อย่างไร
ตอนที่ 20
บทที่ 3
Erinnyes บอกลานายหญิงแห่งผืนน้ำอย่างไร และโยนดาบของเธอลงไปในทะเลสาบถึงสามครั้งได้อย่างไร

นายหญิงแห่งผืนน้ำได้ยินเช่นนั้น และด้วยความรัก ความเมตตา และบุญคุณอันเป็นนิรันดร์ นางจึงตอบตกลง จากนั้น Erinnyes ก็พูดอีกครั้งว่า:
"ข้าแต่ราชาผู้ดูแลผืนน้ำ ข้าขอขอบคุณท่าน ที่แสดงให้ข้าเห็นถ้วยแห่งน้ำบริสุทธิ์ที่ข้าโหยหา และให้ข้าเดินทางสำเร็จในครั้งนี้
เหล่าอัศวินที่ยังมีชีวิตอยู่ คนรับใช้ของท่าน จะยังคงรับใช้ท่านและประเทศในอนาคตของท่านอย่างซื่อสัตย์ต่อไป จงติดตามนักดนตรีผู้สูงศักดิ์ผู้นั้น
ไล่ตามเงาที่ยังคงหลับใหล ผดุงความชอบธรรม หากผู้ที่เดินอยู่ในความมืดรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแสงสว่าง แต่แสงสว่างกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความมืดเลย
ความดีจะเป็นเพียงความฝันที่ว่างเปล่า นั่นคือเหตุผลที่ข้ามอบอัศวินที่ดีเหล่านี้ไว้ในมือของท่าน เพื่อขอให้ท่านอภัยให้กับบาปของพวกเขา"

นายหญิงแห่งผืนน้ำได้ยินเช่นนั้น และด้วยความรัก ความเมตตา และบุญคุณอันเป็นนิรันดร์ นางจึงตอบตกลง จากนั้น Erinnyes ก็พูดอีกครั้งว่า:
"ข้าแต่ราชาผู้ดูแลผืนน้ำ ข้าขอสารภาพบาปของข้าต่อพระองค์ โดยไม่ปิดบังความชั่วร้ายของข้า เพราะบาปของข้านั้นร้ายแรงเกินกว่าที่จะให้อภัยได้
อุดมคติอันสูงส่งและบริสุทธิ์ของท่านไม่ควรต้องมาทนรับความผิดแบบนี้ด้วยเช่นกัน มีเพียงผู้ถูกเนรเทศเท่านั้นที่จะคลายความกังวลและปลอบประโลมข้าได้
ไม่มีเทพยดา ไม่มีผู้ล่วงเกิน ในอาณาจักรแห่งความรักและความเมตตาของท่าน บาปเท่านั้นที่สามารถตัดสินบาปได้ และมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถตัดสินมนุษย์ได้
ข้าขอเพียงให้ท่านจดจำความทุกข์ทรมานของข้าเอาไว้ และมองดูความเกลียดชังที่พวกเราได้รับ เพราะความทุกข์และความเกลียดชังนี้เปรียบดั่งบอระเพ็ดและต้นเฮมล็อก
ข้าขอฝากนามของข้าไว้ในมือของท่าน และผู้ใดที่ตำหนิพวกเรา ขอให้นามของเขาถูกสาปไปตลอดกาล และเมื่อใดที่มีการบันทึกนามจะไม่ถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรม

หลังจากพูดจบ อัศวินที่มีแววตาสดใสสีน้ำทะเลก็ชักดาบที่ทอประกายแสงอันบริสุทธิ์ออกมา และปลายดาบที่ส่องประกายสีของน้ำออกมานั้นก็ทำให้หุบเขาสว่างไสว
"ข้าแต่ Hauteclaire ผู้สูงส่งและดาบแห่งความรุ่งโรจน์! ท่านช่างเจิดจรัสและเจิดจ้าราวกับคบเพลิงภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สว่างสดใสนี้!
ท่านได้กลืนกินสีแดงเข้มของคนชั่วเข้าไป พวกที่สาบานเท็จและละเลยความชอบธรรม ต่างก็ล้มลงต่อหน้าความบริสุทธิ์ของท่านเหมือนดั่งหิมะที่ตกลงมา
บาปนับไม่ถ้วนแปดเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้าหลากสีของข้า เพราะข้าเป็นคนที่ต้องทนแบกรับบาปแห่งการนองเลือด เป็นคนที่คร่าชีวิตคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรม แต่ท่านกลับยังคงเปล่งประกายอยู่
ขอให้เจ้าแห่งผืนน้ำทรงเมตตาให้กับทั้งหมดนี้ด้วย! คนชั่วไม่สมควรได้ครอบครองท่าน Lakelight ที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ข้าขอส่งท่านกลับสู่ทะเลสาบ!"

หลังจากพูดจบ อัศวินที่มีแววตาสีน้ำทะเลอันสดใสก็โยนดาบในมือของเขาลงไปในทะเลสาบ แต่ดาบกลับไม่จม และลอยกลับเข้าฝั่งแทน
"ข้าแต่ Hauteclaire ผู้สูงส่งและดาบแห่งความรุ่งโรจน์! ท่านงดงามและศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงเพียงนี้ ด้ามดาบสีทองฝังด้วยคริสตัลสีฟ้า
นึกถึง Daeira สาวน้อยที่อยู่ริมทะเลสาบคนนั้น สุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์แห่งน้ำบริสุทธิ์เคยยกท่านให้กับหัวหน้าอัศวิน ทำให้เธอได้สร้างผลบุญกุศลอันมากมายนับไม่ถ้วน:
เธอเคยใช้ท่านเอาชนะ Peiregord เธอเคยใช้ท่านเพื่อจับ Aisias แม้แต่นางมารจากแดนไกลทางใต้ก็ไม่สามารถจับตัวท่านได้
ขอให้เจ้าแห่งผืนน้ำทรงเมตตาให้กับทั้งหมดนี้ด้วย! คนชั่วไม่สมควรได้ครอบครองท่าน Lakelight ที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ข้าขอส่งท่านกลับสู่ทะเลสาบ!"

หลังจากพูดจบ อัศวินที่มีแววตาสีน้ำทะเลอันสดใสก็โยนดาบในมือของเขาลงไปในทะเลสาบ แต่ดาบกลับไม่จม และลอยกลับเข้าฝั่งแทน
"ข้าแต่ Hauteclaire ผู้สูงส่งและดาบแห่งความรุ่งโรจน์! ท่านได้ระงับข้อพิพาทไปแล้วนับไม่ถ้วน และได้หยุดยั้งสงครามในดินแดนแห่งนี้
วันหนึ่งจะมีผู้สูงศักดิ์ที่มีบุญมากกว่าข้าเจ็ดเท่า เก็บตัวท่านขึ้นมาอีกครั้ง และสร้างผลบุญกุศลมากกว่าข้าถึงเจ็ดเท่า
ข้ากับท่านใช้เวลาแสนพิเศษร่วมกันมาตั้งไม่รู้เท่าไหร่! เฮ้อ ค่ำคืนอันยาวนาน รุ่งอรุณใกล้เข้ามา แต่ข้ากลับได้สูญเสียมงกุฎแห่งความชอบธรรมนั้นไปตลอดกาล
ขอให้เจ้าแห่งผืนน้ำทรงเมตตาให้กับทั้งหมดนี้ด้วย! คนชั่วไม่สมควรได้ครอบครองท่าน Lakelight ที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ข้าขอส่งท่านกลับสู่ทะเลสาบ!"

หลังจากพูดจบ อัศวินที่มีแววตาสีน้ำทะเลอันสดใสก็โยนดาบในมือของเขาลงไปในทะเลสาบ ดาบจมลงไปอย่างเงียบ ๆ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้น นางก็จากไปพร้อมกับภูตที่ติดตามนางมาแต่แรก และไม่มีใครเคยเห็นเงาร่างของนางอีกเลยในโลกนี้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TopButton